“สุณิสา” ให้คะแนน “ประยุทธ์” สอบตก ล้มเหลวในการประชุมอาเซียน
(5 พ.ย. 62) ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อย่าคิดไปเองว่าตัวเองประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง เพราะเบื้องหลังของการประชุมเต็มไปด้วยความโกลาหลและทิ้งร่องรอยความบาดหมางระหว่างหลายประเทศไว้ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ดูต่างหน้า โดยเฉพาะสหรัฐฯซึ่งไม่พอใจอย่างมาก ที่ถูกผู้นำ 7 ประเทศอาเซียนประท้วง โดยการส่งแค่รัฐมนตรีต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ ครั้งที่ 7 ซึ่งสหรัฐฯ ระบุว่า นี่คือการไม่ให้เกียรติต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างชัดเจน
เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า ชาติต่างๆในอาเซียนไม่ได้เห็นหัว พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นประธานอาเซียนเลย จึงไม่ไว้หน้า พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยการปล่อยให้ผู้แทนของสหรัฐฯประชุมอย่างเหงาหงอย ร่วมกับผู้นำ 3 ชาติ คือ ไทย ลาว และเวียดนาม พร้อมด้วยรัฐมนตรีต่างประเทศ 7 ชาติ แทนที่จะเป็นการประชุมระหว่างสหรัฐฯกับผู้นำทั้ง 10 ประเทศ ซึ่งเหตุที่ลาวและเวียดนาม ส่งผู้นำร่วมประชุมก็เพราะมีความจำเป็นบังคับ เนื่องจากลาว อยู่ในฐานะประเทศผู้ประสานงาน ส่วนเวียดนามกำลังจะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งต่อไป ซึ่งสื่อต่างประเทศได้ตีข่าวความไม่พอใจของสหรัฐฯในเรื่องนี้ไปทั่วโลก ย่อมส่งผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกมองว่าไร้น้ำยาจึงไม่สามารถควบคุมการประชุมให้ราบรื่นได้ โดยประวัติศาสตร์ต้องจารึกว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง อาเซียน กับ สหรัฐฯ ตกต่ำมากที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี ในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ นั่งเก้าอี้ประธานอาเซียน
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานอาเซียน ก็ยังล้มเหลวในการผลักดันให้ 16 ชาติ คือ 10 ชาติอาเซียน และ 6 ประเทศคู่เจรจา บรรลุความตกลงในการเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP (Regional Comprehensive Economic Partnership) ทั้งๆที่ การเจรจาเกี่ยวกับการออกแถลงการณ์ร่วม 16 ชาติ เรื่องความตกลง RCEP คือ เป้าหมายสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของการประชุมสุดยอดอาเซียนซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศไทยในครั้งนี้ แต่การที่อินเดียไม่เข้าร่วมการออกแถลงการณ์ร่วม เพียง 1 ชาติ อาจจะทำให้การก่อตั้งเขตการค้าเสรี RCEP ต้องล่าช้าออกไปอีก โดยอาจทำให้ความตกลง RCEP ไม่สามารถมีผลบังคับใช้ได้ทันกรอบเวลาในปีหน้า ทั้งยัง เป็นการทำลายจุดแข็งของ เขตการค้าเสรี RCEP ที่มีการโฆษณากันว่า จะเป็นตลาดการค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะจะมีประชากรรวมกัน 3,500 ล้านคน หรือราวครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมดในโลก เพราะตราบใดที่อินเดียยังไม่บรรลุข้อตกลง ก็เท่ากับ เขตการค้าเสรี RCEP ยังขาดอินเดียไปอีก 1 ชาติ ซึ่งจะทำให้ประชากรในเขตการค้าเสรี RCEP หายไปทันทีถึง 1,300 ล้านคน หรือเกือบครึ่งของประชากรทั้งหมดในเขตการค้าเสรี RCEP ดังนั้น ตราบใดที่อินเดียยังไม่ตกลงเข้าร่วมอย่างเป็นทางการ ก็ไม่สามารถกล่าวได้ว่า RCEP เป็นเขตการค้าเสรีที่มีกำลังซื้อของประชากรครึ่งโลกได้อย่างแท้จริง ดังนั้น การที่อินเดียไม่ร่วมออกแถลงการณ์ร่วมความตกลง RCEP กับอีก 15 ชาติ จึงมีนัยสำคัญอย่างมาก ดังนั้น รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรตีกินว่าปิดการเจรจาได้สำเร็จ ทั้งๆที่ อินเดียยังไม่ยอมรับข้อตกลงหลายประเด็น ซึ่งสะท้อนความล้มเหลวของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานอาเซียน สมควรต้องให้สอบตก
ที่สำคัญ ในการประชุมร่วมกับผู้แทนสหรัฐฯ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวสุนทรพจน์อวยสหรัฐฯเกินจริง โดยยกยอปอปั้นว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับอาเซียนมีความก้าวหน้าและแนบแน่นยิ่งขึ้น ทั้งๆที่ใครๆก็เห็นว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ ลดความสำคัญของนโยบายสหรัฐฯต่ออาเซียนลง จึงไม่มาร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนในไทย และไม่ส่งผู้นำระดับสูงมาเป็นตัวแทนด้วยซ้ำ ซึ่งแตกต่างจากนโยบายสมัยรัฐบาลโอบาม่า ในขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่สามารถแสดงบทบาทนำในการสร้างอำนาจต่อรองให้กลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนได้ และไม่สามารถเป็นแกนกลางในการผลักดันให้ชาติสมาชิกอาเซียนมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนว่าควรต้องมีท่าทีร่วมกันอย่างไรต่อมหาอำนาจชาติต่างๆ โดยเฉพาะชาติที่เป็นคู่ขัดแย้งกัน ทำให้อาเซียนในยุคของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประชาคมที่ไร้ทิศทางในด้านต่างๆ โดยสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ทิ้งไว้ให้อาเซียน เป็นเพียงการประดิษฐ์วาทกรรมที่สวยหรูเรื่องการพัฒนาและความมั่งคั่งเท่านั้น แต่ไม่มีแก่นสารอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน เพราะดีแต่พูดเท่านั้น
“ที่สำคัญ แม้แต่ผลประโยชน์ของไทยเอง ในเรื่องที่โดนสหรัฐฯตัด GSP พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังไม่สามารถใช้เวทีสุดยอดอาเซียน ในการเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯได้เลย ทำให้คนไทยไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการประชุมในสุดยอดอาเซียนในครั้งนี้ และนี่คือ เหตุผลว่าทำไมพรรคเพื่อไทยจึงให้ พล.อ.ประยุทธ์ สอบตกในฐานะประธานอาเซียน และเชื่อว่าประวัติศาสตร์ต้องจารึกว่าความสัมพันธ์ อาเซียนกับสหรัฐฯ ตกต่ำที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี ในยุคที่ พล.อ.ประยุทธ์ นั่งเป็นประธานอาเซียน”