“7 พรรคฝ่ายค้าน” จ่อยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ธ.ค.นี้ มั่นใจข้อมูลหลักฐานแน่น ทำรัฐบาลหัวคะมำได้

(5 พ.ย. 62) ที่พรรคเพื่อไทย ตัวแทน 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ปรึกษาวิปฝ่ายค้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมการวิปฝ่ายค้าน นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส. พรรคบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ นายสุภดิช อากาศฤกษ์ รองหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ร่วมแถลงภายหลังการประชุมร่วม 7 พรรคฝ่ายค้าน

โดย น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า หลังจากที่ปิดสภาฯ เราได้ร่วมกันเก็บข้อมูล ดูถึงความพร้อมของเอกสารหลักฐานและติดตามตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลมาโดยใกล้ชิด วันนี้ตัวแทน 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้นำเรื่องของความพร้อมเกี่ยวกับเรื่องความหนักแน่นของข้อมูลเพื่อมาประชุมหาข้อเท็จจริงในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ เสียงจาก 7 พรรคร่วมเป็นเอกฉันท์ในการตัดสินใจยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในเดือนธันวาคม ส่วนจะอภิปรายเป็นคณะหรือรายบุคคลนั้น จะมีการประชุมหารือเพื่อสรุปกันอีกครั้งหนึ่ง

ด้าน นายสุทิน กล่าวว่า 7 พรรคฝ่ายค้าน ยึดกรอบความพร้อมและหลักฐาน
โดยการอภิปรายในครั้งนี้มาตรฐานอาจจะเปลี่ยนไปจากเดิม
เพราะที่ผ่านมาเน้นเรื่องการทุจริตอย่างเดียว
แต่วันนี้การสร้างความเสียหายให้กับประเทศก็คือการขาดความสามารถ
ความผิดพลาด ความไม่มีเจตนาที่บริสุทธิ์
แม้กระทั่งเรื่องของความเหมาะสมในตัวบุคคลแล้วการทำลายเครดิตของประเทศ
เป็นเรื่องที่เราไว้วางใจไม่ได้
และหลายเรื่องเป็นเรื่องที่มาจากฐานความผิดเดิมเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว
ซึ่งเป็นฐานความผิดที่ส่งผลต่อเนื่องมาถึงวันนี้ ที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา บริหารประเทศมา
เราจึงเห็นความจำเป็นว่าความผิดในอดีตส่งผลถึงปัจจุบันแล้วเป็นความกังวลในอนาคต
จึงจำเป็นที่จะต้องอภิปราย ส่วนการจะอภิปรายเป็นคณะหรือรายบุคคล
ต้องกรองข้อมูลแล้วจะแจ้งให้ทราบภายหลัง ถ้าอภิปรายรายบุคคล
แต่มีหลายคนทำผิดยึดโยงไปหลายกระทรวง โยงไปถึงหัวหน้ารัฐบาล
รัฐมนตรีพาลูกน้องทำเป็นกระบวนการ แบบนี้เราจะเรียกอภิปรายรายบุคคลไม่ได้
หรือบางกรณีที่เป็นคุณสมบัติทำผิดเฉพาะตัวก็สามารถอภิปรายรายบุคคลได้

การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วจะล้มรัฐบาลได้หรือไม่นั้น นายสุทิน กล่าวว่า โดยเจตนาเราไม่ได้ต้องการล้มรัฐบาล แต่ถ้าเขาชี้แจงไม่ได้ แล้วทำความผิดจริง เขาจะล้มด้วยตัวของเขาเอง ทั้งนี้โอกาสในการล้มรัฐบาลโดยการยกมือในสภาฯ เป็นไปได้น้อยอยู่แล้ว แต่หากหลักฐานเราดีก็เป็นไปได้ที่พรรคฟากรัฐบาลจะยกมือสนับสนุนเรา แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีรัฐบาลไหนล้มด้วยการยกมือในสภาฯ แต่จะเพลี้ยงพล้ำจากสภาฯ แล้วไปล้มข้างนอก เสมือนเป็นการเปิดแผลในสภาฯแล้วไปเน่าข้างนอก ซึ่งเชื่อว่าปัจจุบันพลังของโซเชียลจะเป็นม็อบที่สำคัญ และเป็นม็อบที่ใหญ่ที่สุด ที่จะทำให้รัฐบาลหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ อย่างไรก็ตามเรามีหลักฐานแน่นอน เพราะถ้าไม่มีเราไม่กล้าเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยพรรคฝ่ายค้านจะมาคุยกันว่าหลักฐานที่มีจะเป็นการผลักให้เซหรือผลักให้ล้ม แต่วันนี้เราสรุปกันได้แล้วว่ามีผลักให้หัวคะมำอย่างแน่นอน

ขณะที่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หากวางกรอบที่จะอภิปรายในวันที่ 18-20
ธันวาคมนี้ สิ้นเดือนพฤศจิกายน
เราจะต้องญัตติให้เสร็จเพื่อยื่นให้ประธานสภาฯ
บรรจุเข้าสู่วาระการประชุมสภาฯ โดยอย่างช้าที่สุดต้องไม่เกินวันที่ 6
ธันวาคม ที่เราจะต้องยื่นญัตติให้กับประธานสภาฯ