“สุดารัตน์” ชี้ ประเทศหยุดพัฒนาเพราะผู้มีอำนาจเลือกปฏิบัติ แนะกระจายอำนาจเน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง

(21 พ.ย. 62) หลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง โดย สถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดเสวนา “ผู้นำการเมืองกับอนาคตประเทศไทย” โดยมี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายวีระกร คำประกอบ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ นายปริญ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเสวนา ดำเนินรายการโดย นายยุทธพร อิสระชัย

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า การพัฒนาประเทศกับการพัฒนาประชาธิปไตยต้องไปด้วยกันอย่างแน่นอน เพราะประชาธิปไตยเป็นเหมือนโครงสร้าง รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายที่ควบคุม ที่จะทำให้ประเทศเดินหน้าได้ ดังนั้นการพัฒนาประชาธิปไตยจึงมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ

พร้อมระบุว่า วันนี้ระบอบประชาธิปไตย เป็นระบบที่ต้องส่งเสริมโอกาสและในยุคที่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตเป็นการขับเคลื่อนต่างๆ ซึ่งเป็นระบบเปิด ที่จะกระจายโอกาสให้ทุกคนสามารถต่อยอดได้ กลับมาถึงประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ยังเป็นระบบการคิดเหมือน 50 ปีที่แล้ว และไม่ได้ใช้งบประมาณเพื่อเตรียมคนให้มีความรู้ความสามารถ   

และต้องมีการปรับโครงสร้างอำนาจของประเทศ จากรัฐราชการรวมศูนย์ เป็นการกระจายอำนาจท้องถิ่น เพื่อให้ท้องถิ่นดูแลตัวเองได้ จึงจะเกิดการพัฒนา ซึ่งถ้าไม่มีเตือนให้ประชาชนเป็นตัวกลางประเทศไทยจะตกยุค อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทหาร เป็นส่วนสำคัญ แต่ต้องปรับความคิดว่า มีนักการเมืองทุจริต แล้วต้องเป็นฮีโร่เข้ามารัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญทุกครั้ง จึงไม่สามารถปล่อยไว้เป็นแบบนี้อีกต่อไป ตราบใดที่การทำรัฐประหารไม่ผิดกฎหมาย ทหารอยู่เหนือรัฐบาลประเทศจะย่ำอยู่กับที่

ดังนั้น จึงต้องปรับให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง นอกจากนี้ยังขอว่า อย่าดูถูกคนต่างจังหวัดว่าเป็นทาสของเงินเพราะทุกวันนี้ฉลาด และการที่นักการเมืองใช้เงินซื้อเสียงของชาวบ้านเชื่อว่าเป็นการใช้เงินเปล่า 80% จึงเกิดคำพูดที่ว่า “รับเงินสุนัข กาพรรคการเมืองอื่น”

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ปี 2540 มีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน แต่เมื่อถูกบังคับใช้ฝ่ายที่มีอำนาจกลับนำมาใช้ต่อรองอำนาจ ทำให้องค์กรอิสระไม่เป็นความอิสระ แต่ใช้เป็นเครื่องมือในการทำลายฝั่งตรงข้าม และเลือกปฏิบัติ บางคนยืมนาฬิกาเพื่อนหลายเรือนไม่ผิด แต่บางคนยืมรถเพื่อนคันเดียวมาขับกลับติดคุก เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ผู้นำยุคใหม่นอกจากจะต้องมีคุณสมบัติพื้นฐาน สิ่งที่สำคัญคือต้องเป็นผู้นำที่เข้าใจโลกยุคใหม่ ทำตัวให้ทันสมัยเพื่อไปคว้าโอกาสมาพัฒนาประเทศให้ได้ และไม่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางของอำนาจ พร้อมยอมรับการเปลี่ยนแปลง และหยุดการผูกขาดกลุ่มทุนขนาดใหญ่