“วิปฝ่ายค้าน” เดินหน้ายื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจภายในสัปดาห์นี้ ดักคอรัฐบาลอย่าแกล้งบรรจุญัตติใกล้ช่วงปีใหม่
(26 พ.ย. 62) ที่พรรคเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน และ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังการประชุมวิปพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยนายสุทิน กล่าวว่า สำหรับการประชุมสภาฯ ในสัปดาห์นี้มี 2 เรื่อง คือการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 ซึ่งคาดว่าจะลงมติวันที่ 27 พ.ย. จากนั้นจะเป็นการเสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และจะลงมติในวันที่ 28 พ.ย. ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติให้มีการตั้ง กมธ. ทั้ง 2 คณะ แต่ท่าทีของรัฐบาลเหมือนจะไม่ให้มีการตั้ง กมธ. ผลกระทบ มาตรา 44 แต่ในเรื่องของ กมธ. แก้รัฐธรรมนูญ หวังว่าจะได้เห็นการตั้ง กมธ. ชุดดังกล่าว ซึ่งสังคมเฝ้ารอจะเห็นหน้าตาประธานและ กมธ. ชุดนี้
นายสุทิน กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของหนังสือตอบกลับอย่างเป็นทางการจากนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ กรณีเรื่องกรอบเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้หนังสือตอบกลับอย่างเป็นทางการ แต่จากการประสานด้วยด้วยวาจาและศึกษาข้อกฎหมายอย่างถี่ถ้วน ชัดเจนว่าการอภิปรายยึดตามปีปฏิทิน ดังนั้นเราก็จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ยืนยันว่าจะอภิปรายไม่เกินวันที่ 20 ธ.ค. เพื่อไม่ให้ชนกับการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. ขอนแก่น วันคริสต์มาสและปีใหม่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เราเริ่มเห็นสัญญาณไม่ค่อยดี น่าวิตก โดยหลังจากที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาพูดเรื่องกรอบเวลาอภิปราย เท่ากับรัฐบาลกำลังวิตก ตีความเพื่อให้เราสับสน ทำลายจังหวะการอภิปราย ซึ่งเราจะไม่รั้งรอ เราจะเดินหน้าอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
นายสุทิน กล่าวอีกว่า เรากังวลว่ารัฐบาลจะกลั่นแกล้งบรรจุญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจใกล้ช่วงปีใหม่ หากรัฐบาลทำจริง ก็จะทำลายบรรยากาศการอภิปราย ดังนั้นอย่าใช้วิธีนี้ ขอให้คิดถึงประชาชนด้วยแม้ว่าจะสนใจการเมือง แต่ระหว่างนั้นการเดินทาง การสัญจร การวางแผนการใช้ชีวิตช่วงใกล้ปีใหม่ จะไม่อยู่ในอารมณ์รับรู้เรื่องการเมือง ดังนั้นขอให้รัฐบาลเห็นใจฝ่ายค้านและประชาชนด้วย การอภิปรายครั้งนี้เราหวังเห็นการเปลี่ยนแแปลงระดับการทำงาน ที่คิดจะทุจริต จะได้เลิกล้มเพราะเรารู้ทัน ส่วนที่อ่อนแอไร้ประสิทธิภาพ ก็จะได้ทำให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่วนความล้มเหลวที่ฝ่ายเศรษฐกิจบอกว่าเดินได้แค่ขาเดียว ก็จะได้ปรับให้เดินได้สี่ขา ที่สำคัญ คือการเปลี่ยนตัวบุคคลที่เกิดข้อกังขาเรื่องคุณสมบัติ ไร้คุณภาพ ดังนั้นก็หวังใ้ห้เกิดการปรับ ครม. การลาออก หรือการยุบสภาฯ ท้ายที่สุดถ้าต้องเปลี่ยนตัวนายกฯ จะตกเก้าอี้ได้ แต่อย่าให้งบประมาณตก เราเชื่อว่าหลังการอภิปรายเสร็จจะเกิดความเปลี่ยนแปลงแน่นอน