“ชุมสาย” ชี้ สภาผู้แทนฯ ไม่ใช่สภากลาโหม แนะประธานสภาฯจริงใจแก้ปัญหา ยึดประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง
(28 พ.ย. 62) นายชุมสาย ศรียาภัย รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าเหตุการณ์เมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 ที่พรรคฝ่ายรัฐบาลได้แพ้โหวตพรรคฝ่ายค้าน 4 เสียง และมี ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล 6 คนโหวตเห็นชอบ โดยมี ส.ส. บางคนขอให้นับคะแนนใหม่ ซึ่งเกิดกรณีสภาล่มในการประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวเป็นครั้งที่ 2 ในวันที่ 28 พ.ย. อีกครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องไม่ควรเกิดขึ้นเลย การกระทำดังกล่าว ดูประหนึ่งว่า เป็นการพยายามปกป้อง ผู้ที่ใช้อำนาจตามมาตรา 44 มากกว่าการพยายามศึกษาผลกระทบการใช้ มาตรา 44 จึงเห็นว่าสภาผู้แทนราษฎรอันทรงเกียรติไม่ใช่สภากลาโหม ที่จะต้องเกรงใจหรือเกรงกลัวผู้ใด
“จริงๆ มันจบไปแล้ว ฝ่ายค้านชนะ 234 : 230 เสียง การที่มี ส.ส. กล่าวอ้างว่ามีความสับสนเล็กน้อย หรืออาจเกิดความผิดพลาด คงเป็นเพียงข้ออ้างลอยๆ ซึ่งแม้ประธานสภาฯ จะอ้างว่าข้อบังคับการประชุมสภาฯ ให้อำนาจกระทำได้ หากคะแนนห่างกันไม่เกิน 25 เสียง แต่น่าจะผิดไปจากธรรมเนียมและวิธีปฏิบัติ ซึ่งหากมีความจริงใจและเห็นแก่ความเสียหายอันเกิดจากผลพวงการบังคับใช้มาตรา 44 ที่มีผลกระทบต่อประชาชนก็ควรเคารพผลคะแนนที่มีการโหวตไปแล้วในวันที่ 27 พ.ย. ไม่มีเหตุผลใดต้องนับคะแนนใหม่อีก หากไม่มีเจตนาหรือวาระซ่อนเร้นประการอื่น”
นายชุมสาย กล่าวต่อว่า กรณีที่เกิดขึ้นมีความน่าสงสัยว่าประธานสภาฯ มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาหรือไม่ หรือมีเจตนาทำเพื่อใคร หรือต้องเกรงใจใครหรือไม่
“กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา การศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 ถ้าท่านมีความจริงใจ จะต้องไม่มีการนับคะแนนใหม่หรือประชุมใหม่อีก พฤติการณ์ที่เห็น ไม่น่าเชื่อว่าท่านมีความตั้งใจแก้ปัญหา คงเป็นเพียงการซื้อเวลาต่อลมหายใจให้ผู้มีอำนาจ และยึดประโยชน์ทางการเมืองของพรรคตนเป็นที่ตั้ง คงไม่ได้นึกถึงประชาชนแต่อย่างใด ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ประชาชนอาจจะให้บทเรียนอีกครั้งในการเลือกตั้งคราวถัดไป”