“อนุสรณ์” ชี้ “ประยุทธ์” ถ้าไม่มีความสามารถ ก็ลาออกไป อัด “วิษณุ” บิดาแห่งข้อยกเว้น

(12 ธ.ค.62) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม บ่นเครียดหลายเรื่องจนนอนไม่หลับ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการส่งสัญญาณถึงประชาชน นโยบายที่หาเสียงหลายนโยบายอาจไม่สามารถทำได้ ตอนนี้เงินที่จะแจกก็ไม่มีแล้ว รวมถึงต้องการสื่อสารไปถึงฝ่ายค้านว่าไม่ควรคว่ำงบ พล.อ.ประยุทธ์ สารภาพชัด ว่า มีปัญหามาก โดยเฉพาะการใช้จ่ายงบ ทุกโครงการ ทุกนโยบายที่หาเสียงไว้ ไม่รู้วิธีการว่าจะทำอย่างไรให้สามารถขับเคลื่อนนโยบายที่แถลงไว้ได้ ประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 425 บาท ปรับจริง 5-6 บาท นโยบายลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 10% ตามนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ พอเป็นรัฐบาล กลายเป็นแค่การยกตัวอย่างช่วงหาเสียงเท่านั้น นโยบายมารดาประชารัฐที่จะให้เงิน ตั้งแต่รู้ว่าตั้งครรภ์ ได้ให้ใครหรือยัง เบี้ยผู้สูงอายุที่จะปรับเป็น 1 พันบาท ก็สารภาพว่าให้ไม่ได้แล้ว เพราะรัฐบาลไม่มีเงิน เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร จุดที่นโยบายที่หาเสียง นโยบายที่แถลงต่อสภา ไม่สามารถทำได้แล้วไม่เกิดผลอะไร กกต. นิ่งเฉย ปล่อยผ่านเรื่องนี้ได้อย่างไร พรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายค้านชี้มาตั้งแต่ต้นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่แจ้งที่มาของงบประมาณในการจัดทำนโยบายรัฐบาล ถึงวันนี้ยอมรับแล้วว่าไม่รู้จะเอาเงินจากไหนมาทำนโยบายตามที่ได้หาเสียงและแถลงนโยบายไว้

“ปีหน้าราคาพืชผลทางทางการเกษตรก็คงจะตกต่ำแทบทุกรายการ ยกเว้น กล้วย ประเภทที่ใช้เลี้ยงลิง น่าจะราคาแพงขึ้น เพราะรัฐบาลยังจะต้องแจกกล้วยลิงอีกหลายวาระ ถ้ารัฐบาลลิงกินกล้วย 18 มงกุฎ ไม่มีความสามารถทำให้งบฯ ผ่านสภาได้ ก็ต้องยอมจำนน ลาออก ให้คนอื่นมาทำหน้าที่แทน” นายอนุสรณ์ กล่าว   
 
นอกจากนี้ นายอนุสรณ์ ยังกล่าวถึงกรณี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาชี้แจงว่า ที่ดิน ส.ป.ก. ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ คืนรัฐแล้วไม่ผิด พร้อมยกตัวอย่างกรณี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี คืนที่ดิน ส.ป.ก. แล้วก็จบกัน ว่า ตอนแรกประชาชนมีคำถามว่าบิ๊กในรัฐบาลคนใดสั่งให้อุ้ม น.ส.ปารีณา แต่ดูไปดูมา เหมือนจะพร้อมใจกันอุ้มทั้งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ถูกตั้งคำถามว่าเป็นบิดาแห่งความย้อนแย้ง ตอนเป็นรัฐบาลรัฐประหาร ออกนโยบายทวงคืนผืนป่า แต่พอมารัฐบาลเป็นสืบทอดอำนาจ กลับมีท่าที อุ้มคนรุกป่า หรือไม่ นายวิษณุ ก็ถูกตั้งคำถามว่า เป็นบิดาแห่งข้อยกเว้น การที่นายวิษณุออกมาปกป้อง น.ส.ปารีณา เพราะได้รับสัญญาณจาก พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ การเอากรณีนี้ไปเปรียบเทียบกับกรณีเขายายเที่ยงของ พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นคนละกรณีกัน การยึดครองเขายายเที่ยง มีการฟ้องร้องดำเนินคดีข้อหาบุกรุก ครอบครองโดยมิชอบ แต่ต่อมาอัยการสั่งไม่ฟ้อง นายวิษณุ ทำตัวคล้ายกับว่า ปรับลดหน้าที่ตัวเองจากรองนายกฯ ไปเป็นเป็นโฆษกรัฐบาล เพราะโฆษกและรองโฆษกรัฐบาล ไม่สามารถสื่อสารตอบโต้ประเด็นทางการเมืองได้ นอกจากนั่งแถลงมติ ครม. กับโพสต์ไอโอเชลียร์ พล.อ.ประยุทธ์ ไปวันๆเท่านั้น

“เรื่องที่ดินของ น.ส.ปารีณา รัฐบาลถูกกระแสสังคมกดดันอย่างหนัก สปก.และ กรมป่าไม้ ต้องยึดตามแนวการตัดสินของศาลฎีกา ไม่ใช่ไปปรึกษากฤษฎีกา เพราะอาจช่วยอะไรได้ไม่มากนัก หากกรมป่าไม้ หรือ ส.ป.ก. ไม่ฟ้อง น.ส.ปารีณา ต้องมีคำตอบให้กับประชาชน และอาจถูกดำเนินคดีข้อหาละเว้นการปฎิบัติหน้าที่เสียเอง” นายอนุสรณ์ กล่าว