“เพื่อไทย” ปลุกเยาวชนปรับตัวสู้เวทีโลก หวังคนรุ่นใหม่เปลี่ยนแปลงประเทศ ผ่าน Smart Democracy
เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2562 พรรคเพื่อไทย จัดโครงการ “เพื่อไทยพลัส :
เพื่อไทยยุคใหม่ แข็งแกร่งกว่าเดิม” โดยมี น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ
เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม
ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน นายเอกธนัช อินทร์รอด
นางสาวชนก จันทาทอง นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย นายสยาม
หัตถสงเคราะห์ นายณัฐวุฒิ กองจันทร์ดี ส.ส.หนองบัวลำภู นายศราวุธ เพชรพนมพร
ส.ส.อุดรธานี นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ ส.ส.เลย นางสาวขัตติยา สวัสดิผล
รองเลขาธิการพรรค นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส เลขาธิการกลุ่มเพื่อไทยพลัส
นางสาวอรุณี กาสยานนท์ นางสาวประภาพร ทองปากน้ำ นางสาวนิศามาศ
เลาหรัตนาหิรัญ นายษรกฤต ผลลูกอินทร์ และนายวัชระพล ขาวขำ
สมาชิกกลุ่มเพื่อไทยพลัส เข้าร่วมกิจกรรมกับเยาวชนกว่า 150 คน
ที่ห้องประชุมวรนุช โรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย
โดย
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “เยาวชนกับการมีส่วนร่วมทางการเมือง”
ว่า เยาวชนมีบทบาทในการกำหนดอนาคตของชาติ
และคนกลุ่มนี้เป็นที่คาดหวังของสังคม
เนื่องจากเป็นวัยหนุ่มสาวที่มีความสุจริตใจ
ไม่มีผลประโยชน์ใดๆที่ผูกพันกับพรรคการเมือง
แม้ที่ผ่านมาเยาวชนมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยการแสดงความคิดเห็นผ่านโซเชียลมีเดีย
แต่ไม่ได้ทำให้ประเทศไทยเป็น Smart Democracy ได้จริง
“Smart
Democracy คือรูปแบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ชาญฉลาด
เป็นการมีส่วนร่วมทางการเมืองที่คำนึงถึงทุกฝ่าย
และรับฟังความคิดเห็นของคนทุกรุ่น ดังนั้นคนรุ่นใหม่คือความหวังของประเทศ
เพราะต้องอยู่กับการเมืองไทยไปอีกอย่างน้อย 20 ปี” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว
ด้าน
นายสุทิน กล่าวว่า คุณภาพการศึกษาของเด็กไทยที่ต่ำลงไปทุกวัน
แล้วเราจะอยู่จะสู้กันไปอย่างไร
ในวันที่เราต้องต่อสู้และเผชิญอะไรอีกมากมาย ไม่ว่าจะต้องต่อสู้กับหุ่นยนต์
AI ทั้งยังต้องสู้กับภัยเศรษฐกิจ
เยาวชนกำลังอยู่ในยุคที่จะต้องรับมรดกประเทศที่มีหนี้สูงสุดตั้งแต่ตั้งประเทศไทยมา
นั่นคือ 6.6 ล้านล้านบาท และเป็นหนี้ครัวเรือนถึง 12 ล้านล้านบาท
ปีหน้าจะมีคนตกงานมากที่สุดคือวุฒิปริญญาตรี ซึ่งสะสมมากถึง 3.5-4 แสนคน
และโรงงานจำนวน 1,400 โรงที่ปิดตัวลง
ในขณะที่บริษัทยักษ์ใหญ่ใช้หุ่นยนต์ทำงานแทนแรงงานคน
และรัฐบาลกำลังจะลดอัตราข้าราชการลงอีกเช่นกัน
“เราต้องปรับตัวเพื่อสู้ในเวทีโลก
เราต้องมีผู้นำประเทศที่เก่ง มีกติกาที่ดี
และคนที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้กับเยาวชน
สร้างบริบทสร้างกลไกในการพัฒนาประเทศ คือ เราต้องมีนายกฯที่รู้ทันโลก
รู้เรื่อง Digital Economy และมี รมว.ศึกษาฯ ที่รู้จัก EQ IQ MQ
และการเรียนรู้รูปแบบใหม่ การศึกษานอกห้องเรียน ซึ่งเราต้องทุ่มงบฯ
เพื่อช่วยพัฒนาเยาวชนให้มีคุณภาพไปแข่งขันในเวทีโลกได้ในอนาคต” นายสุทิน กล่าว