“ชลน่าน” ชี้ อภิปรายฯไม่ไว้วางใจ หวังเปิดแผลทุจริตรัฐบาล ขอ “ประยุทธ์” อย่าร้อนตัว สร้างวาทกรรมทำสังคมสับสน
(4 ม.ค. 63) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า กรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมยื่นต่อรัฐสภาเพื่อขอเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นการทำหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ไม่เกี่ยวกับเรื่องของเวลา
การที่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่ารัฐบาลนี้เพิ่งบริหารประเทศเพียงได้ 5 เดือนเท่านั้น เป็นการพูดเพื่อหาทางออกให้ตัวเอง หวังทำลายความน่าเชื่อถือของฝ่ายค้าน พร้อมประกาศชัดว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นไม่เกี่ยวกับรัฐบาลนี้ เป็นการพูดเพื่อสร้างความชอบธรรม หวังสร้างเรื่องราวให้กลุ่มกองเชียร์รัฐบาลนำไปขยายความต่อ เป็นอาการร้อนตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ ออกอาการดิ้นเพื่อเอาตัวรอด หวังสร้างความสับสนให้ประชาชน
การอภิปรายไม่ไว้วางใจ เวลาในการเข้าสู่ตำแหน่งและการบริหารประเทศนานเท่าไหร่ ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่จะยื่นไม่ไว้วางใจ การอภิปรายจะยื่นหลังจากเข้าบริหารประเทศ 1 เดือน หรือ 2 เดือน ก็ได้หากพบว่ารัฐบาลเข้าสู่ตำแหน่งด้วยความไม่ชอบ และมีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริต หรือ มีหลักฐานชัดเจนว่า มีการกระทำที่อาจจะส่อไปในทางทุจริตประพฤติมิชอบ รวมไปถึงไม่มีความรู้ความสามารถที่พอเพียงบริหารราชการแผ่นดิน ส่อว่าจะเป็นอันตรายก่อให้เกิดวิกฤตกับประเทศ หากให้บริหารประเทศต่อไป ก็สามารถขออภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ไม่เกี่ยวกับเรื่องของเวลา ในต่างประเทศเขาเปลี่ยนรัฐบาลทุก 6 เดือนหากเห็นว่าผู้นำไม่มีความสามารถพอ
นพ.ชลน่าน กล่าวด้วยว่า ในส่วนของที่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาตีกันการนำเรื่องอดีตมาอภิปรายนั้น อาจจะเกิดจากความกังวลใจเกี่ยวกับอดีตของ พล.อ.ประยุทธ์ เอง เพราะเรื่องในอดีตก็สามารถนำมาเป็นหลักฐานอ้างอิงได้ เพราะรัฐบาลชุดนี้กับรัฐบาลในปัจจุบันเป็นรัฐบาลชุดเดียวกัน รัฐมนตรีก็คนเดิมๆ ดังนั้นผลงาน 5 ปีที่ผ่านมาก็เห็นชัดว่าประเทศชาติวิกฤตแค่ไหน หากให้อยู่ในตำแหน่งต่อไปก็สุ่มเสี่ยงจะพาประเทศไปสู่จุดวิกฤตหนักกว่านี้ อันนี้เป็นเหตุผลในการย้อนพฤติกรรมในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการอำนาจมิชอบ การใช้มาตรา 44 โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา หรือ การใช้งบประมาณผ่านองค์การทหารผ่านศึกที่ส่อไปในทางทุจริตก็เป็นส่วนหนึ่งจากการทำงานของรัฐบาล
“การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้คงไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ เพราะรัฐบาลใช้วิธีการมัดคอพรรคร่วมรัฐบาล ไม่มีทางที่พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลจะแตกแถวออกมา ดังนั้นเป้าหมายพรรคร่วมฝ่ายค้านหวังจะเปิดแผลที่เน่าของรัฐบาลออกมาฟ้องประชาชน ถึงพฤติกรรมของรัฐบาลที่บริหารประเทศไปในทิศทางที่ไม่โปร่งใส และส่อไปในทางทุจริต ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินอนาคตของรัฐบาลนี้ ว่าหากให้อยู่ในตำแหน่ง แล้วส่งผลให้เกิดผลเสียหายกับประเทศหรือไม่”