“เพื่อไทย” ชี้ เกษตรกรหมดหวังรัฐแก้ภัยแล้ง แนะเร่งช่วยภาคเกษตร หยุดเอื้อนายทุนกดหัวเกษตรกร

(14 ม.ค. 63) นายปิยวัฒน์ พันธ์สายเชื้อ ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ภัยแล้งในหลายพื้นที่ของประเทศไทยน่าเป็นห่วงมาก ว่า ในหลายพื้นที่ประสบปัญหาทั้งน้ำกิน น้ำใช้ ยิ่งภาคการเกษตรได้รับผลกระทบหนักที่สุด เพราะไม่มีน้ำไปหล่อเลี้ยงผลิตผลทางการเกษตร กระทบกับรายได้ประชาชนโดยตรง ผลต่อเนื่องคือประชาชนไม่มีรายได้ รัฐไม่ดำเนินการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ  พอเวลามีปัญหาก็จัดสรรงบประมาณมาแจกให้ประชาชนในรูปแบบต่างๆ ซึ่งประชาชนไม่ได้ต้องการ ประชาชนอยากได้รัฐบาลที่เข้าใจและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างมีแผนงานมากกว่า

ในพื้นที่ภาคอีสานประสบปัญหามากที่สุด กระทบกับชีวิตประจำวัน เพราะไม่มีน้ำ แม่น้ำหลายสายแห้งขอด เขื่อนหลายเขื่อนไม่มีน้ำเพียงพอที่จะระบายออกมาให้ภาคเกษตร ส่งผลให้พืชผลทางการเกษตรยืนต้นตาย โดยเฉพาะข้าว แม้รัฐบาลประกาศโครงการประกันราคาหรือจำนำยุ้งฉาง ทุ่มงบประมาณเป็น พันล้านก็ไม่เกิดประโยชน์เพราะข้าวไม่ได้อยู่ในมือของเกษตรกรแต่ไปอยู่ที่พ่อค้าหมดแล้ว แนะนำในรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาราคาข้าวสารที่จะปรับตัวขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะข้าวอยู่ในมือนายทุน ที่กดขี่ซื้อขายเปลือกราคาถูกแต่ขายข้าวสารแพงจะเหมาะกว่า เพราะปีนี้เกษตรกรไม่มีน้ำทำนา ดังนั้นผลผลิตข้าวน้อยกว่าความต้องการแน่   

นายปิยวัฒน์ กล่าวด้วยว่า กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ตั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจ และแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาวิกฤตน้ำ เป็นการทำงานที่ซ้ำซ้อน การแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นต้องรู้จริงและทำงานเร็วเพื่อให้ทันต่อความต้องการของประชาชน ดังนั้นรัฐบาลควรมอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ดำเนินการในการแก้ปัญหาจะเหมาะสมกว่าเพราะมีเครือข่ายทั่วประเทศ รัฐบาลมัวแต่นั่งประชุมในห้องแอร์ไม่แก้ปัญหาประชาชน

“พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศแก้ปัญหาภัยแล้งเมื่อไหร่ ประชาชนหมดความหวังเมื่อนั้น เพราะกว่าที่รัฐบาลจะมีมาตรการอะไรออกมากินเวลาเนิ่นนานมาก ไม่ทันกับปัญหาที่เกิดขึ้น นอกจากนี้รัฐบาลควรดูแลประชาชนและเกษตรกร ด้วยความจริงใจ ไม่โกหกด้วยคำหวานๆ เพราะสุดท้ายทุกนโยบายที่รัฐประกาศออกมา คนที่ได้ประโยชน์คือกลุ่มนายทุนที่ใกล้ชิดรัฐบาล”