“เพื่อไทย” เตรียมพร้อมข้อมูลอภิปรายฯแน่น อัดรัฐบาลสอบตกแก้ปัญหาเศรษฐกิจ-ยาเสพติด
(4 ก.พ. 63) ที่พรรคเพื่อไทย มีการประชุมคณะกรรมการกิจการพิเศษ ร่วมกับคณะทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล
โดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นอกจากรัฐบาลจะประสบกับปัญหาเศรษฐกิจแล้ว ยังมีปัญหายาเสพติดที่รัฐบาลแก้ไม่ได้ แม้ตำรวจจะสามารถจับยาเสพติดได้ครั้งละมากๆ แต่ก็ถือว่ารัฐบาลสอบตก เมื่อปี 2544 ยาบ้าเม็ดละ 400 บาท ปี 2554 ยาบ้าเม็ดละ 370 บาท ปัจจุบันยาบ้า 3 เม็ด 100 บาท จึงอยากให้รัฐบาลบูรณาหน่วยงานต่างๆในการทำงานร่วมกัน และขอเสนอแนวทางการแก้ปัญหา ดังนี้ 1. สกัดสารตั้งต้นที่นําไปเป็นหัวเชื้อในการผลิตยาบ้าและไอซ์ 2. ปิดแนวตะเข็บชายแดนให้เข้มแข็ง 3. ตัดวงจรเงินลงทุนของกระบวนการผลิตในประเทศเพื่อนบ้าน 4. ป้องกันอย่างเข้มแข็ง โดยเน้นกําลังสกัดกั้นจุดเป้าหมาย 5. จัดตั้งทีมและศูนย์บูรณาการให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน 6. เข้มงวด ตรวจตรา ในพื้นที่เป้าหมายให้เคร่งครัดมากขึ้น 7. จัดตั้งศูนย์พลังแผ่นดินเพื่อเอาชนะปัญหายาเสพติด 8. เน้นการบําบัดรักษาและสร้างความเกลียดชังยาเสพติดให้คนรุ่นใหม่ และ 9. ขยายหน่วยงานบําบัดรักษาเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ถ้ารัฐบาลแก้ปัญหายาเสพติดไม่ได้ ก็ลาออกไป พรรคเพื่อไทยพร้อมทำงาน
ขณะที่ ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค กล่าวว่า
รัฐบาลนี้สอบตกอย่างหนักในเรื่องเศรษฐกิจ
ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลปัจจุบัน
ที่เกี่ยวข้องกับตลาดแรงงานและกำลังซื้อ จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ
สรุปได้ดังนี้ 1. รายได้เฉลี่ยของครัวเรือนไทยลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี
2. การใช้จ่ายของครัวเรือนไทยลดลงครั้งแรกในรอบ 9 ปี 3.
สัดส่วนหนี้ต่อรายได้ครัวเรือนอยู่ที่ 97.7% (คำนวณครัวเรือนที่มีหนี้)
สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ 4. กันชนทางการเงินต่ำสุดในรอบ 5 ปี 5.
จำนวนแรงงานที่ทำงานล่วงเวลาต่ำสุดในรอบ 4 ปี 6.
สัดส่วนเงินออมต่อรายได้ครัวเรือน ต่ำสุดในรอบ 9 ปี 7.
รายได้ครัวเรือนในภาคเกษตร ต่ำสุดในรอบ 7 ปี และ 8.
รายได้ครัวเรือนที่เป็นลูกจ้างลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี
ด้าน
ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช กรรมการกิจการพิเศษ
และหัวหน้าศูนย์ข้อมูลสารสนเทศ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า
การทุจริตคอร์รัปชันก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะนำมาเป็นหัวข้อใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้
ซึ่งจะมีหลากหลายสิ่งที่จะต้องพูด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแก้ไขกรณีฝุ่น
PM 2.5 ที่ล่าช้า ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก
และในส่วนของเรื่องการแก้ไขไวรัสโคโรนา
ต้องถามรัฐบาลว่าผลที่ได้รับเป็นที่น่าพอใจต่อรัฐบาลแล้วหรือ
และประชาชนพึงพอใจต่อผลที่รัฐบาลแก้ไขปัญหาแล้วหรือไม่ ซึ่งในหลายๆ
ประเทศได้มีมาตรการนโยบายในการแก้ไขมากมาย
แต่ประเทศไทยยังไม่ได้ดำเนินการเลยจนถึงทุกวันนี้
ซึ่งปริมาณผู้ติดเชื้อและผู้เฝ้าระวังเพิ่มขึ้นนับหมื่นคนแล้ว
ในขณะที่คนตายก็เป็นหลักร้อยแล้ว ดังนั้น
สิ่งเหล่านี้จึงเป็นประเด็นที่จะใช้ในการอภิปรายฯ ทั้งเรื่องขยะ
และปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นพิษที่มีผลต่อสุขภาพของประชาชน
ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
นอกจากนี้ นายอนุสรณ์
เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า 6 ปีที่ผ่านมา
รัฐบาลนี้มีผลงานเป็นที่ประจักษ์เรื่องเดียวคือเรื่องการตั้งศูนย์ปราบปรามเฟคนิวส์
ซึ่งใช้เป็นเครื่องมือปกป้องตนเอง
นึกไม่ถึงว่าแค่ประชาชนโพสต์ว่าหน้ากากอนามัยขาดตลาด
แล้วกำลังจะถูกดำเนินคดีข้อหาเฟคนิวส์
ซึ่งสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนต้องมี
อย่าไปเหมารวมเจตนารมณ์ของประชาชนเป็นเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์
สุดท้ายขอย้ำว่ายังไงรัฐบาลชุดนี้ก็ต้องออกไปแน่ๆ
เตรียมตัวนับถอยหลังได้เลย
เพราะข้อมูลในการอภิปรายฯเรามีครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว