“ชลน่าน” อัด ส.ส.รัฐบาลทำผิดซ้ำซาก! ชี้ ร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 63 มีข้อถกเถียงไม่สิ้นสุด
(13 ก.พ. 63) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า งบประมาณล่าช้าจากความผิดซ้ำซากของ ส.ส. รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งในวันนี้มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ตามคำบังคับของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้สภาฯพิจารณาลงมติในวาระที่ 2 วาระที่ 3 และข้อสังเกตของกรรมาธิการฯให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ
พรรคร่วมฝ่ายค้าน 6 พรรค ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่าไม่ขอร่วมพิจารณา เนื่องจากเห็นว่าคำบังคับของศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเกินรัฐธรรมนูญกำหนด เป็นการก้าวล่วงดุลอำนาจของหลักการแบ่งแยกอำนาจระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายตุลาการ ซึ่งได้เสนอญัตติให้สภาฯพิจารณาเป็นเรื่องด่วนไม่เห็นด้วยที่จะต้องปฏิบัติตามคำบังคับของศาล และได้ส่งให้ประธานสภาฯพิจารณาแจ้งศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว
ที่สำคัญต้นเหตุของความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเกิดจากการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกันของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล จึงเป็นความรับผิดชอบของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลที่จะต้องทำหน้าที่ตามคำบังคับของศาลรัฐธรรมนูญให้ถูกต้อง ฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่ร่วมพิจารณาครบถ้วนสมบูรณ์แล้วในการพิจารณาตามวาระปกติ
ซึ่งในการพิจารณาวันนี้ เพื่อให้หน่วยงานราชการและพี่น้องประชาชนจะได้ใช้งบประมาณโดยเร็ว ฝ่ายค้านจึงร่วมเป็นองค์ประชุมทำให้เปิดประชุมได้เร็วและเริ่มพิจารณาได้เร็วขึ้น โดยไม่คิดที่จะขัดขวางหรือถ่วงเวลา ไม่มีการวอล์คเอาท์ เพียงแต่ไม่ร่วมพิจารณาเท่านั้น
ความผิดซ้ำสอง เกิดขึ้นในการพิจารณาลงมติในมาตรา 6 พบว่าองค์ประชุมไม่ครบ หลังจากประกาศผลลงมติ ซึ่งถือว่าการลงมติสิ้นสุดลง โดยมีสมาชิกลุกขึ้นทักท้วงว่าองค์ประชุมไม่ครบ ท่านประธานวินิจฉัยว่าองค์ประชุมครบหรือไม่ ให้ถือเอาตอนตรวจสอบองค์ประชุม ซึ่งถือว่าครบ จึงให้พิจารณาลงมติในมาตราต่อไป จนมีการพักประชุม และเริ่มประชุมใหม่ ท่านประธานแจ้งว่า มีสมาชิกทักท้วงเรื่ององค์ประชุมไม่ครบ ในการลงมติ มาตรา 6 เกรงว่าจะมีปัญหา เลยให้สมาชิกปรึกษาหารือกันว่าจะดำเนินการอย่างไร
ส่วนสาเหตุ ที่องค์ประชุมไม่ครบ ประธานวิปรัฐบาลให้เหตุผลว่า น่าจะเกิดจากความผิดพลาดของระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่สมาชิกเสียบบัตรกลับด้านหรือลืมกดคะแนน
ท่านผู้นำฝ่ายค้านและผม ได้หารือต่อท่านประธานโดยเสนอให้สภาเริ่มต้นพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ใหม่ โดยการเริ่มต้นตั้งแต่ชื่อร่างฯ คำปรารภ มาตรา 1 เป็นต้นไป เพราะการลงมติโดยองค์ประชุมไม่ครบใน มาตรา 6 ถือว่าไม่เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ทำให้การลงมติในวาระที่ 2 ที่ดำเนินการอยู่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญทั้งหมด
สุดท้ายที่ประชุมมีความเห็นให้เริ่มต้นพิจารณาใหม่เป็นรายมาตรา โดยอ้างคำบังคับของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าต้องลงมติให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ส่วนที่ทำผิดพลาดไปก็นำกลับมาแก้ไขให้ถูกต้อง
“ความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก บ่งบอกถึงความไม่รับผิดชอบของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในกระบวนการตราพระราชบัญญัติ ซึ่งไม่ทักท้วงให้ถึงที่สุดเมื่อพบข้อผิดพลาด และรีบแก้ไขให้เป็นไปตามข้อบังคับ”
สิ่งที่ควรดำเนินการเมื่อพบว่า ผลการลงมติมีองค์ประชุมไม่ครบ ต้องไม่ประกาศผลการลงมตินั้น เพื่อจะได้นำมาพิจารณาลงมติใหม่ได้ เพราะขบวนการลงมติยังไม่สิ้นสุด และต้องปิดประชุมทันที
กรณีมีความจำเป็นที่ต้องประชุมต่อ ก็สามารถนัดประชุมในที่ประชุมได้ในเวลาที่เหมาะสม เช่น 30 นาที เมื่อเปิดประชุมใหม่ก็เริ่มต้นการพิจารณาใน มาตรา 6 ให้ลงมติใหม่ได้ ในกรณีที่ไม่ปิดประชุม เป็นการประชุมต่อเนื่อง ก็ต้องกลับมาพิจารณาใหม่โดยเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด เพื่อป้องการตีความว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับการประชุมสภาฯ ว่าต้องพิจารณาเรียงลำดับมาตราในวาระที่ 2 ซึ่งการพิจารณาในวาระปกติ ตามรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับการประชุม ไม่สามารถดำเนินการได้
“ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 จึงมีเหตุการณ์และบรรทัดฐานใหม่ๆเกิดขึ้น รอการถกเถียงกันในอนาคตต่อไป”