“เพื่อไทย” ยกทัพหาเสียงเลือกตั้งซ่อมกำแพงเพชร ชี้เศรษฐกิจแย่ทั้งจังหวัด ขออาสาทวงสัญญาให้ประชาชน

(15 ก.พ. 63) พรรคเพื่อไทย นำโดย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรค นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรค นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรค พร้อมด้วยคณะทำงาน ลงพื้นที่หาเสียงช่วยนายกัมพล ปัญกุล ผู้รับสมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กำแพงเพชร เขต 2 ที่อำเภอลานกระบือ จังหวัดกำแพงเพชร
 
โดยนายสมพงษ์และคุณหญิงสุดารัตน์ ได้เดินขอคะแนน ภายในตลาดวัดแก้วสุริย์ฉาย ซึ่งระหว่างการหาเสียง ได้สอบถามถึงปัญหาการค้าขาย และเศรษฐกิจปากท้อง ซึ่งพบว่าการค้าขายเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากผู้ซื้อมีกำลังในการจับจ่ายน้อยลง คุณหญิงสุดารัตน์รวมถึงนายสมพงษ์จึงได้กล่าวให้กำลังใจในการต่อสู้กับปัญหาเศรษฐกิจที่หนักหน่วงมากขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันได้ตั้งคำถามไปยังพี่น้องประชาชนว่า ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา กินดีอยู่ดีมีความสุขนอนหลับสบายดีหรือไม่ ถ้าคิดว่าตลอด 6 ปีมีความสุขดี และยังสามารถอยู่ต่อไปได้ ก็เป็นสิทธิที่พี่น้องจะเลือกผู้สมัครแบบเดิม แต่หากพี่น้องเห็นว่าวันนี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลง หลากหลายนโยบายต้องได้รับการผลักดันให้เห็นเป็นรูปธรรม ขอให้ช่วยเลือกผู้สมัครหมายเลข 3 จากพรรคเพื่อไทย เข้าไปติดตามสิ่งที่ผู้มีอำนาจได้ให้คำมั่นสัญญากับประชาชนไว้แต่ไม่สามารถทำได้

“ขอให้พี่น้องประชาชน กาเปลี่ยนชีวิตเลือกเบอร์ 3 กาเข้าไปเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจ กาเอาคนคุณภาพ เข้าไปตรวจสอบรัฐบาล เข้าไปเป็นปากเป็นเสียงแทนพี่น้องประชาชน” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

หลังจากนั้น นายสมพงษ์ ได้ให้สัมภาษณ์โดยเปิดเผยว่า หลังเริ่มรณรงค์หาเสียงมาประมาณ 2 สัปดาห์ กระแสตอบรับที่มีให้พรรคเพื่อไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามมั่นใจในศักยภาพของผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยว่าไม่เป็นรองผู้สมัครของพรรคอื่นๆ แต่ห่วงเรื่องการทำงานทางการเมืองที่เจ้าของพื้นที่เดิมได้ย้ายไปอยู่กับพรรคของผู้มีอำนาจ การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาจึงทำให้พรรคเพื่อไทยไม่สามารถเตรียมคนได้ทัน แต่การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้เพื่อไทยได้หารือและคัดเลือกผู้สมัครจนได้บุคลากรที่มีคุณภาพ ทำให้เชื่อมั่นว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในการเลือกตั้งครั้งนี้

ด้าน คุณหญิงสุดารัตน์ ให้สัมภาษณ์ ระบุว่า กระแสตอบรับของพรรคเพื่อไทยดีขึ้น เพราะประชาชนรู้สึกถึงความลำบาก ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ พรรครัฐบาลได้สัญญาไว้ในตอนหาเสียง ทั้งราคาข้าวราคาอ้อย ไม่ได้เป็นไปตามความต้องการของประชาชน ราคาสินค้าเกษตรเหล่านี้ไม่สามารถทำได้ตามคำมั่นสัญญา เมื่อราคาสินค้าเกษตรตกต่ำการค้าขายจึงเงียบไปทั้งตลาด เศรษฐกิจแย่ทั้งจังหวัด ทั้งต้องเจอกับสถานการณ์ภัยแล้งเพิ่มเติมอีก น้ำกินน้ำใช้ ก็เริ่มประสบปัญหา ขาดการเหลียวแลขาดการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน รวมทั้งนโยบายที่เคยสัญญาว่าจะมาช่วยชาวบ้าน โดยเฉพาะบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรผู้สูงอายุ ก็ไม่มีประสิทธิภาพ ชาวบ้านจึงอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง เขารู้ว่าถ้าให้คนเดิมพรรคเดิม เศรษฐกิจก็จะแย่แบบนี้ ความเป็นอยู่ของเขาก็จะถูกทอดทิ้งแบบนี้ เขาจึงอยากเห็นคนของพรรคเพื่อไทยเข้าไปทำหน้าที่ อย่างน้อยเพื่อทวงสัญญา และสิ่งที่ประชาชนควรได้รับการดูแลแก้ไข

คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุเพิ่มเติมว่า ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยมีประสบการณ์ทำงานท้องถิ่นมาถึง 17 ปี จึงมองเห็นปัญหาและคลุกคลีกับการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง มีหลายนโยบายแก้ไขปัญหาในอดีตเมื่อครั้งรับตำแหน่งการเมืองท้องถิ่น ประชาชนจึงอยากได้คนที่รู้ปัญหามีประสบการณ์เข้าไปแก้ไข ดังนั้นคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยจึงดีขึ้นตามลำดับ แม้จะไม่ใช่เจ้าของพื้นที่ แต่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเพราะประชาชนรู้สึกเบื่อหน่าย อย่างไรก็ตามสิ่งที่พรรคเพื่อไทยกังวลคือการใช้อำนาจรัฐ อำนาจเงิน ซึ่งตรงกับคำบอกเล่าของประชาชนในพื้นที่ว่ามีการใช้อำนาจเงินอำนาจรัฐอย่างไม่เกรงกลัวจึงฝากถึงคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ลงมาตรวจสอบ

ขณะที่ นายกัมพล ระบุว่า มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นทุกวันเพราะรู้และเข้าใจปัญหา โดยยอมรับว่ามีความกังวลว่าบางพรรคการเมืองจะใช้กลไกของภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือ แต่เมื่อประชาชนเข้าใจ ถึงสถานการณ์เหล่านี้กลับมาเห็นใจเรามากขึ้น