“วัฒนรักษ์” เผย ดับ “จันทร์โอชา” ด้วย “ยุทธการอรุณรุ่ง”
(20 ก.พ. 63) ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช กรรมการกิจการพิเศษ และหัวหน้าศูนย์ข้อมูลสารสนเทศ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคลในครั้งนี้ คือหน้าที่ของฝ่ายค้าน ตามระบบรัฐสภา ซึ่งการอภิปรายจะอยู่บนเนื้อหาของญัตติ ถูกต้องตามข้อบังคับและกฎหมายที่กำหนด โดยถ้าหากฝ่ายรัฐบาลคิดว่าไม่มีบาดแผล ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคอยแต่ประท้วง จนทำให้ทุกฝ่ายต้องเสียเวลา เพราะการกระทำแบบนี้ไม่สร้างสรรค์ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ออกมาพูดเองว่า พร้อมที่จะชี้แจงในทุกเรื่อง และตนก็ยังเห็นเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจว่าทำไม ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลบางคนยังไม่รู้หน้าที่ของตนเองว่าเวทีนี้คือเวทีที่ฝ่ายค้านใช้ในการซักฟอกรัฐบาล ไม่ใช่เวทีของฝ่ายรัฐบาลที่จะมาตรวจสอบการทำงานของฝ่ายค้าน โดยในครั้งนี้ขอยืนยันอีกครั้งว่าทางฝ่ายค้านของเรามีการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายแล้ว 100% ทั้งผู้อภิปราย หลักฐานและมีใบเสร็จพร้อมเช็คบิลรัฐมนตรีทั้ง 6 คน พร้อมทั้งยังเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมอีกว่าข้อมูลที่มีจะทำให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ลำบากแน่นอน
ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวอีกว่า การที่พรรคเพื่อไทย เปิด “ยุทธการอรุณรุ่ง” หรือ “Dawn Battle” นั้น ก็เพื่อที่จะเปิดเผยตีแผ่ความจริงต่อสาธารณะ โดยเราพร้อมแล้วที่จะทำเพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ถึงการทำงาน ที่ไร้ความสามารถของรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยถึงเวลาแล้วที่ประชาชนคนไทยจะต้องดับ “จันทร์โอชา” เพราะเมื่อเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้น พระจันทร์ก็ต้องตกลงไป ตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ ซึ่งระยะเวลา 6 ปี ที่ผ่านมานั้น รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ อยู่อย่างสบายมาโดยตลอด เพราะยังไม่เคยถูกตรวจสอบอย่างจริงจัง เนื่องจากมีข้อจำกัดและกฎกติกาที่ถูกกำหนดไว้ ดังนั้นการอภิปรายในครั้งนี้จะทำให้สังคมไทยได้รับรู้รับทราบถึงข้อเท็จจริงต่างๆ ของการบริหารราชการที่ถูกปิดบังซ่อนเร้นไว้ โดยการบริหารราชการที่ผิดพลาดเพราะขาดประสิทธิภาพนั้น ทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยตกต่ำ บริษัท ร้านค้าต้องทยอยปิดตัว ทำให้คนไทยตกงาน และคนไม่มีกำลังซื้อ ส่งผลให้หนี้สาธารณะพุ่งสูงถึง 6.9 ล้านล้านบาท หรือสาเหตุที่หนี้สาธารณะสูงขึ้นถึงขนาดนี้นั้น เป็นเพราะรัฐบาลนี้หาเงินไม่เป็น ดีแต่จะกู้เงิน ปัญหาต่างๆ ทั้งพืชผลทางเกษตรที่ตกต่ำ ข้าวของราคาแพง โครงการบ้านมั่นคงสำหรับผู้มีรายได้น้อย แต่ค่าไฟกลับแพง เพราะในหลายแห่งนั้นใช้ระบบมิเตอร์รวม และแทนที่จะนำงบประมาณมาสร้างรถไฟฟ้าในเมือง เพื่อแก้ไขปัญหารถติด ฝุ่นพิษ PM2.5 เกินมาตรฐาน แต่กลับทำโครงการสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน เป็นยุทธศาสตร์ที่ถูกต้องแล้วหรือ?