“วิสาร” เปิดปมทุจริตโครงการไบโอแมทริกซ์ ชี้ มีการแก้ไขสัญญาเอื้อประโยชน์กลุ่มทุน
(26 ก.พ. 63) นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เกี่ยวกับโครงการจัดซื้อเครื่องไบโอแมทริกซ์ การตรวจลายนิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า ว่า มีความผิดปกติตั้งแต่สัญญาทีโออาร์ครั้งแรก ที่ตั้งงบไว้เพิ่ม 1,735 ล้านบาท แต่ได้ยกเลิกไป และออกสัญญาทีโออาร์ครั้งที่ 2 โดยตั้งงบเพิ่มไว้ 2,126 ล้านบาท และให้เหตุผลว่าที่ยกเลิกครั้งแรก เนื่องจากไม่มีผู้รับเหมา อีกทั้งกำหนดว่าไม่ต้องมีการค้ำประกันและไม่ต้องมีผลงานมาก่อน ซึ่งเรื่องนี้ถ้าไม่มีผู้ใหญ่สั่งการ ทำไม่ได้ อีกทั้งยังมีการต่อรองขยายเวลาส่งมอบงานให้บริษัทในครั้งที่ 4 ถึงครั้งที่ 6 อีกด้วย
นายวิสาร กล่าวต่อว่า สำหรับบริษัท เอ็มเอสซี มีซีอีโอชื่อ ดร.วัชรี พรรณเชษฐ์ เป็นเจ้าของเดียวกับบริษัทวี สมาร์ท จากนั้นบริษัทดังกล่าวได้เข้าร่วมกับบริษัท ไทยทรานมิชชั่น แต่มีคนอยู่เบื้องหลังเชื่อมทั้ง 2 บริษัทนั้นอยู่ ซึ่งบุคคลทั้งหมดอยู่ในหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.)
“สิ่งที่อยากเรียนถามคือมีข่าวออกมาตลอดว่าสัญญายกเลิกไม่ต้องมีค้ำประกัน ไม่ต้องมีเงินประกัน ไม่ต้องมีผลงาน บอกให้ยกเลิกสัญญา เครื่องไม่ดี เครื่องมีข้อบกพร่องก็ยังให้ต่อสัญญา ถึงเวลาจะต้องปรับอีก 500 ล้านบาท ก็ไม่ต้องปรับ” นายวิสาร กล่าว
นายวิสาร กล่าวอีกว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่บกพร่อง มีนอกมีใน ทำให้รัฐเสียหายแน่นอน ดังนั้นหลังจากที่อภิปรายจะร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะเกี่ยวกับมาดามที่มีอิทธิพลหลังทำเนียบฯหรือไม่ ไม่ทราบ แต่นายกฯผิดพลาดแน่นอน คือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 เพราะ ตม. บอกให้ยกเลิกก็ไม่ยกเลิก แล้วยังเพิ่มเงินให้เขาอีก ยกเว้นข้อกำหนดจำนวนมาก
นายวิสาร กล่าวด้วยว่า ที่สำคัญเครื่องมือไบโอแมทริกซ์วันนี้ใช้ได้จริงหรือไม่ เพราะมีการพูดถึงคดีวันเอ็มดีบี ข่าวบอกว่าคู่กรณีผ่านด่านตลอด มีหมายจับจากมาเลเซีย เราก็ไม่จับเขา ให้เข้าออกบ้านเราหลายครั้ง ที่สำคัญมีหมายจับแดงจากสิงคโปร์ก็ไม่จับ ปล่อยให้เข้าออกหลายครั้ง ที่สำคัญโครงการนี้ นายกฯถูกกล่าวหาเสียหายไปทั่วโลก ตนก็ยังไม่เชื่อ ขอให้นายกฯใช้โอกาสนี้ชี้แจง เพราะท่านอยู่ไม่ได้ อยู่ได้ถึงปี 63 ก็เก่งมากแล้ว
นายวิสาร กล่าวต่อว่า ตนได้ข้อมูลมาว่า มีนาย พ. มีบริษัทชื่อ ส. กับ ข. ชื่อจริง นามสกุลจริง อยู่ที่ตน สิ่งที่ตกใจมากกว่านั้นคือมีเงินโอนเข้ามาในบัญชีหมื่นกว่าล้านบาท มาอย่างไร มาจากวันเอ็มดีบีหรือไม่ ซึ่งบัญชีอยู่ที่ตน เงินหมื่นกว่าล้านบาทมาได้อย่างไร เพราะกฎธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า หากมีการโอนเงิน 2 ล้านบาท ต้องแจ้งที่มาที่ไปด้วย แต่นี่หมื่นกว่าล้านบาท บริษัทเดียว คนๆเดียว เบอร์บัญชีก็มี เอามาทำอะไร แบบนี้ประเทศอยู่ได้หรือ ตนจึงนึกถึงว่าเป็นไปได้หรือไม่เลือกตั้งที่ผ่านมา เป็นเงินเหล่านี้หรือไม่