“อนุดิษฐ์” แนะ “ประยุทธ์” ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ชี้ บริหารล้มเหลว นำพาประเทศสู่วิกฤต

(26 ก.พ. 63) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ เปรียบเสมือนผู้ควบคุมทุกอย่าง เพียงออกคำสั่งด้วยการดีดนิ้ว คล้ายการควบคุมกองทัพสมัยเป็นผู้บัญชาการทหารบก เพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจหากนายกฯต้องรับผิดชอบทุกเรื่องที่เกิดขึ้นจากการบริหารประเทศ ทำให้พี่น้องประชาชนให้สมญานามเป็น “ตู่ ธานอส” ที่ควบคุมบงการคนอื่น

“พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาทำหน้าที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ จนทำลายสถิติของประวัติศาสตร์ชาติไทยในการใช้งบประมาณสูงสุด แต่ GDP ต่ำติดดิน ขณะเดียวกันยังเป็น รมว.กลาโหมที่มีข้อครหามากที่สุด ซื้ออาวุธนับแสนล้านบาทโดยใช้กระดาษแผ่นเดียว รวมถึงมีกำลังพลของกองทัพปล้นอาวุธสังหารผู้บริสุทธิ์ ขณะที่การแพร่ระบาดของยาเสพติด เช่น ยาบ้า หาซื้อง่ายกว่าลูกกวาด”


ขณะที่การแก้ปัญหาเรื่องฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนอย่างหนักในห้วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนตกอยู่ในสภาวะตายผ่อนส่ง เพราะฝุ่นพิษเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งโรงงานอุตสาหกรรม ควันจากท่อไอเสียรวมถึงการก่อสร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอนุมัติโครงการรถไฟฟ้าหลากสี ซึ่งความเร่งรีบในการให้ไฟเขียวของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้น เชื่อว่าประชาชนทราบดีและตั้งคำถามว่ามีผลประโยชน์จากการเซ็นสัญญาหรือไม่ เพราะผลการประมูลพบว่า มีเพียงไม่กี่กลุ่มทุนที่ได้รับสัมปทาน ยกตัวอย่างการประมูล 5 โครงการรถไฟฟ้า วงเงิน 2.3 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่นั้นต้องมีรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ EIA เพื่อที่จะดูว่ามีผลกระทบอะไรที่จะส่งผลต่อชีวิตประชาชนหรือไม่ แต่มีความพยายามเร่งผลักดันด้วยการอ้างเหตุผลสวยหรูว่าต้องการแก้ไขปัญหารถติด ก่อนจะมีการเลือกตั้ง จนส่งผลให้การจราจรติดขัด เกิดการเผาผลาญพลังงาน และสร้างไอเสียปล่อยให้เกิดอากาศพิษเต็มเมืองโดยไม่ได้ดำเนินการแก้ไข

น.อ.อนุดิษฐ์ อภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีความบกพร่องล่าช้าในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 อีกทั้งยังเป็นแหล่งผลิตเฟกนิวส์ เพราะการแก้ปัญหาการติดเชื้อโควิด-19 แก้ไขด้วยการพูดความจริง ส่วนมาตรการการท่องเที่ยว กลับปล่อยให้คนไทยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ด้วยการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากประเทศต้นทาง ถือว่าเป็นการอุ้มธุรกิจดิวตี้ฟรีของเจ้าสัวเพียงไม่กี่เจ้าหรือไม่ และที่สำคัญประชาชนยังไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลและไม่เชื่อมั่นข่าวของรัฐบาล ซึ่งสะท้อนว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้รับการยอมรับและล้มเหลว ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าประชาชนสามารถเชื่อมั่นในการบริหารประเทศได้

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ขาดความรู้ความสามารถทำให้เกิดเหตุการณ์ที่พี่น้องประชาชนเสียใจกันทั่วประเทศ กรณีเหตุกราดยิงที่นครราชสีมา คนไทยได้ตั้งคำถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีการแก้ไขเหตุการณ์และแสดงความรับผิดชอบอย่างไร เพราะมีสาเหตุจากกำลังพลและอาวุธสงครามของกองทัพ แต่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ดำเนินการอะไร กลับปล่อยให้หน่วยงานอื่นไปเสี่ยงชีวิตจนเกิดความสูญเสีย

“โลกโซเชียลมีเดียวิพากษ์วิจารณ์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถรักษาอาวุธของตัวเองได้ แล้วจะมารักษาความมั่นคงของประเทศได้อย่างไร ดังนั้นจึงต้องรับผิดชอบและศึกษาระเบียบปฏิบัติในการดูแลป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นอีก รวมถึงพิจารณาว่าเหมาะสมกับการดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหมต่อไปหรือไม่”

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวต่อว่า จากข้อมูลยังพบว่า มีการใช้อำนาจจากคำสั่ง พล.อ.ประยุทธ์ ให้กำลังพลไปปฏิบัติภารกิจที่ไม่เกี่ยวกับกระทรวงกลาโหม เช่น ปฏิบัติการข่าวสารหรือ IO เข้าไปบิดเบือนข้อมูลและโจมตีผู้เห็นต่าง พล.อ.ประยุทธ์ อ้างว่าเข้ามายึดอำนาจเพราะบ้านเมืองขัดแย้ง จากนั้นใช้กำลังพลควบคุมประเทศและรักษาเสถียรภาพของรัฐบาล หากย้อนไปในอดีตสมัยชุมนุม กปปส. พล.อ.ประยุทธ์ อ้างว่ากองทัพจะไม่ยุ่งกับการเมือง แต่ภายหลังยึดอำนาจกลับกระทำการย้อนแย้งใช้กำลังทหาร ปฏิบัติการจิตวิทยาตามท้องถนนทั่วประเทศจนชินตา และฉายา “ผนงรจตกม” ที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้รับนั้น ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย

“ผมเชิญชวนสมาชิกพรรคร่วมฝ่ายค้าน ชูโทรศัพท์มือถือเปิดไฟฉายส่องแสงสว่าง ยกโทรศัพท์นี้ชูขึ้นแล้วขอให้ ท่านนายกฯ ลุกขึ้นยืนยืดอกเปล่งเสียง ข้าพเจ้าขอยุบสภาครับ ขอให้ท่านนายกฯทำแบบนี้ แล้วกลับไปเลือกตั้งใหม่ดูว่าพี่น้องประชาชนจะให้โอกาสท่านกลับมาบริหารประเทศหรือไม่”