“จิรายุ” ซัด “ประยุทธ์” ไร้วินัยทางการเงิน ทำเศรษฐกิจทรุด เป็นหนี้ 7 ล้านล้าน

(26 ก.พ. 63) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โดยระบุว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมามีม็อบเล็กๆ ของนักเรียน โดยบอกว่าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไม่ควรจะมีไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ หรือให้วนรถผ่านเฉยๆ ขอให้นายกฯ อย่าคิดว่าเด็กๆ เหล่านี้เป็นพวกชังชาติ วันนี้นักเรียน-นักศึกษาทั่วประเทศที่เริ่มจุดเทียนหรือเขียนป้าย จากการกระทำของนายกฯ ตลอด 5 ปี พวกเขาฝากมาบอกว่าพวกเขาไม่ได้ชังชาติ แต่ชังเผด็จการ ถ้าท่านไม่ไหว ขอให้ลงมาจากบันไดสวยๆ

นายจิรายุ อภิปรายว่า เงิน 16 ล้านล้านบาท ที่นายกฯ นำไปใช้ แต่ไม่ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ 5 ปี แผนที่สัญญาไว้มีแค่กระดาษเท่านั้น การโกหกไม่มีใครชอบ โดยเฉพาะการดำเนินการเพื่อสืบทอดอำนาจ หากยังเป็นอยู่อย่างนี้ อนาคตท่านอาจไม่สวยงาม เมื่อท่านมีอำนาจก็เริ่มมีการเจรจา ผมมีมีด ท่านมีปืน เป็นใครก็ต้องยอมท่าน
นายกฯ เป็นผู้นำกร่างเถื่อน มองคนอื่นเป็นศัตรู ปล่อยให้มีการทุจริต ไม่รักษาวินัยทางการเงิน หลายครั้งนายกฯ พูดโกหกโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อท่านพูดมันจะบันทึกประวัติศาสตร์ คนที่โกหกโดยไม่รู้ตัวพอให้อภัยได้ แต่คนที่รู้ตัวว่าโกหก แต่ไม่สนใจใคร คนนั้นอันตรายต่อประชาชน

นายจิรายุ กล่าวต่อว่า นายกฯ บอกว่าจะพยายามสร้างความปรองดอง โดยนำหุ่นน้องเกี่ยวก้อยมาสร้างความปรองดอง แต่กลับนำทหารแต่งชุดเต็มยศ ถือ ม.44 มาเกี่ยวข้อง และหน้าตาไม่เป็นมิตร นายกฯ ก็พยายามนำน้องเกี่ยวก้อย 2 หน้ายิ้มแย้มมาเพิ่ม แสดงให้เห็นว่านายกฯ พยายาม แต่สุดท้ายกลับไม่เป็นผล

“ผมไม่อยากให้ใครมาด่าผู้นำประเทศอีกต่อไป วิธีเดียวคือต้องลาออก ก่อนนี้ท่านบอกว่าประเทศบริหารง่ายมาก ท่านบอกว่าอาหารทะเลแพงก็ไม่ต้องกิน มะนาวแพงบอกให้ไปปลูกกินเอง น้ำแล้งให้ไปขุดบ่อน้ำ น้ำประปาเค็มให้เอาไปต้ม คำพูดเหล่านี้ทำให้พวกเราไม่ไว้วางใจนายกฯ ที่จะพาประเทศไปแข่งกับอาเซียน”

นายจิรายุ ย้ำว่า วันที่ท่านพูดเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและการเกษตร ทำไมท่านถึงพูดว่าไทยมีฐานเศรษฐกิจเหมือนสิงคโปร์ เหมือนจีน มันเปรียบเทียบได้หรือ ผมไม่วางใจที่ท่านมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ วันนี้หลัง พ.ร.บ.งบฯ 63 ประกาศแล้ว หวังว่ารัฐบาลจะเดินหน้าต่อได้โดยไม่ต้องโทษใคร

“ผมอยากเสนอให้ทำประชามติ เลือกหรือไม่เลือก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ อีกหรือไม่ เหมือนที่อังกฤษทำประชามติว่าจะออกจากอียู หากทำได้จะเป็นประโยชน์ จะได้รู้เสียทีว่าประชาชนรักฉันมันเยอะเท่าไหร่ ไม่เอาฉันเท่าไหร่ ให้ลงคะแนนบัตรมีแค่ 2 ใบ เอาหรือไม่เอา”

นายจิรายุ อภิปรายว่า ตอนนี้เหมือนไทยกำลังเป็นไส้ติ่ง เดี๋ยวปวดเรื่องท่องเที่ยว เดี๋ยวปวดเรื่องการเสียบบัตรแทนกัน แล้วเอายาพารามากิน แต่เมื่อไส้ติ่งแตก คนก็ตายทั้งประเทศ มีการบอกว่า นายกฯ เสียสละเพื่อประเทศ แต่เสียสละอย่างไร ทำประเทศเป็นหนี้ 7 ล้านล้านบาท
ที่ผ่านมา ตนไม่เคยเจอรัฐบาลเอาหน้ากากอนามัยมาขายที่ทำเนียบรัฐบาล 1 ล้านชิ้น 2.5 ล้านบาท ขนหน้าแข้ง ครม. ลงขันกันนิดหน่อยก็เกินแล้ว คิดอะไร ไม่เห็นหัวประชาชน สุดท้ายก็ให้เจ้าหน้าที่ไปแจกตามกระทรวง ทบวง กรม เราจะไว้ใจท่านนายกฯ ได้อย่างไรกัน

“ท่านไม่เข้าใจหรอกว่าคนจนเป็นอย่างไร คนจนเวลาเครียดก็กินเหล้า ชาวบ้านบอกจนจนล้มไม่ลง เจ้าสัวรวยกันหมด แล้วชาวบ้านเป็นอย่างไร ปี 56 มีคนจน 4 ล้านคน ปี 59 มีคนจน 9.6 ล้านคน ท่านบริหารประเทศอย่างไร พอมาปีนี้คนจนจะหมดประเทศแล้ว เหลือรวยไม่กี่ร้อยคน รัฐบาลอ้างรู้ปัญหาทุกอย่าง แต่ไม่ทำอะไร”

นายจิรายุ กล่าวว่า เมื่อผู้นำรู้ว่าประเทศถดถอยแต่ไม่ปฏิรูป กูรูของรัฐบาล นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เคยบอกไว้เมื่อปี 56 ว่า เศรษฐกิจโลกถดถอย ทำให้เศรษฐกิจในประเทศไม่ดี งบฯ รัฐบาลขาดดุลมาตลอด แต่กลับจะลดภาษีนิติบุคคล แล้วทุกวันนี้รัฐบาลทำอะไรบ้าง แม้ว่าท่านจะรู้ปัญหาทุกอย่างมานานแล้ว World Bank กับ IMF ทักกันหมดเรื่องเศรษฐกิจไทย ที่หลายคนกังวลว่าจะมีวิกฤตต้มยำกุ้ง เขาเตือนมาแล้ว ตนไม่สามารถไว้วางใจนายกฯ ที่จะบังคับรถยนต์ไทยแลนด์ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ เพราะต่างคนต่างทำ เรื่องนี้สั่งกระทรวงนี้ เรื่องนั้นสั่งกระทรวงนั้น

นายจิรายุ กล่าวย้ำว่า 6 เดือนข้างหน้า ถ้าประเทศไทยมีปัญหาอีก เราต้องไปกู้หนี้ยืมสินจากต่างประเทศ เป็นเรื่องที่ประชาชน 70 ล้านคนให้อภัยนายกฯ ไม่ได้ ตนจึงไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ได้อีกต่อไป