“สุทิน” ขอโทษประชาชนทำหน้าที่ได้ไม่สมบูรณ์ ยัน “เพื่อไทย-อนาคตใหม่” ยังเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม
(28 ก.พ. 63) ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังการประชุมร่วมกันของหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน 5 พรรค และรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โดยได้สรุปผลการทำงานในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา
นายสุทิน กล่าวว่า วันนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ประเมินสถานการณ์และสรุปผลการทำงานในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นที่น่าพอใจกับผลการอภิปรายครั้งนี้ แต่ในการอภิปรายในช่วงท้ายที่จะมีทีเด็ด เสียดายว่าเราไปไม่ถึงตรงนั้น ขอโทษที่เราประเมินฝ่ายรัฐบาลผิดพลาด แม้จะได้มีการตกลงกันทั้ง 3 ฝ่ายแล้ว ว่าจะให้จบในเวลา 19.00 น. แต่ก็ยังคุยไว้ว่า หากไม่จบจะขยายไปจนเวลา 24.00 น. เราได้พยายามทำอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ถือว่าเป็นธรรมชาติของการอภิปรายที่ไม่มีใครทำได้ตรง 100% ต้องขอโทษเพื่อนร่วมงานสำหรับเวลาที่เกินมาจากความคลาดเคลื่อน เพราะว่าเวลาในสภาฯยังเหลือ จนถึง 24.00 น. จึงมองว่า น่าจะสามารถขอเวลาได้ และทำให้ทุกคนได้อภิปราย
“ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ระบุว่า ต้องมีการอภิปรายให้ครบ ถึงจะมีการโหวตลงมติได้ ซึ่งการอภิปรายครั้งนี้ยังไม่จบ เมื่ออภิปรายยังไม่จบ ก็ไม่สามารถลงคะแนนได้ ฝ่ายค้านจึงได้วอล์กเอาต์ เราเสียใจและขอโทษประชาชนที่ทำหน้าที่ได้ไม่ครบ เพราะรัฐบาลไม่เอื้อให้พวกเราได้ทำงานจริงๆ” นายสุทิน กล่าว
นายสุทิน กล่าวต่อไปว่า จากการที่เราประเมินผิดพลาดจนทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันภายในนั้น ซึ่งไม่ใช่มีเพียงแค่พรรคอื่น ภายในพรรคด้วยกันเองก็มี ซึ่งเข้าใจว่า ทุกคนมีความตั้งใจอย่างเต็มที่ในการทำงานตรงนี้ ส่วนกรณีทางพรรคอนาคตใหม่ เรากับพรรคอนาคตใหม่ก็เป็นเหมือนพี่เหมือนน้องกัน เป็นครอบครัวเดียวกัน การเข้าใจผิดกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ก็เหมือนสามีภรรยาที่ก็มีบางทีกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ก็ไปกันได้ ซึ่งก็เคยเป็นอย่างนี้มาแล้ว และเราก็ได้ขอโทษน้องเขาไปแล้ว สุดท้ายก็คุยกัน เข้าใจกัน แล้วก็ให้อภัยกัน ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่ 100% แต่ก็ยังยืนยันว่าทำงานด้วยกันต่อไปได้ ซึ่งในวันที่ 4 ก.พ.ที่จะถึงนี้ ทางพรรคร่วมฝ่ายค้านรวมทั้งพรรคอนาคตใหม่ พวกเราจะนัดทานข้าวกันด้วย
ทั้งนี้ นายสุทิน กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวเชื่อว่า ตอนนี้พวกเรากำลังโดนเสี้ยม เดี๋ยวนี้ปฏิบัติการทางข่าวสาร IO มีเยอะ ไม่รู้อะไรเป็นอะไร ต่อไปก็คงได้สนุกกันแน่ๆ และในการอภิปรายครั้งนี้ เมื่ออภิปรายจบ เราก็ต้องสรุปบทเรียนว่ามีข้อผิดพลาดอะไรตรงไหนอย่างไรบ้าง
ด้าน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เหตุที่เราประกาศออกจากห้องประชุม และไม่ร่วมลงมติไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เพราะวันนี้สิทธิเสียงข้างน้อยไม่ได้รับการคุ้มครอง ตามหลักเสียงข้างมากจะไม่ปิดกั้นเสียงข้างน้อย นี่คือเหตุผลที่เราประกาศไม่ร่วมสังฆกรรม ฝ่ายค้านเราเห็นว่า ญัตติที่อภิปรายยังมีบุคคลที่มีชื่ออยู่ในญัตติอีก 1 ท่าน คือ พล.อ.อนุพงษ์ ยังไม่ได้ถูกอภิปราย ดังนั้น เราถือว่าการอภิปรายยังไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ จึงลงมติไม่ได้ และข้อบังคับได้เขียนชัดเจนว่า ก่อนการลงมติต้องให้มีผู้อภิปรายสรุป ซึ่งเป็นสิทธิของผู้เสนอญัตติ แต่เรายังไม่ได้สรุป เนื่องจากเราแสดงเจตนารมณ์โดยการเดินออกจากห้องประชุม เพราะว่าเราโดนเสียงข้างมากปิดกั้น นี่คือวิธีการตอบโต้ของเสียงข้างน้อยที่ดีที่สุด ซึ่งก็ไม่มีวิธีใดที่ดีไปกว่านี้แล้ว เราไม่เห็นด้วยกับการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้อง เราทำได้เท่านี้จริงๆ เพื่อทำให้มติที่จะลงไปไม่สมบูรณ์
“ถ้าเรามาเข้าร่วมประชุม มาลงมติ ก็เท่ากับเรายอมรับการใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรมของเสียงข้างมากในครั้งนี้ วันนี้ เราเลยแต่งดำมา ส่วนที่ทางอนาคตใหม่ไปร่วมนั้น ถือเป็นสิทธิ เพราะการลงมติเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.” นพ.ชลน่าน กล่าว