เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แนะ รัฐ ลดกู้เงินไม่จำเป็น เสนอดึงงบกลาง-ปรับงบฯ 63 มาใช้แก้วิกฤติ
29 มีนาคม 2563 น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมกำหนดแนวทางการออกพระราชกำหนดกู้เงินกว่า 2 แสนล้านบาท เพื่อนำเงินมาใช้ลดผลกระทบทางเศรษฐกิจว่า อยากให้รัฐบาลพิจารณาข้อเสนอของพรรคเพื่อไทยที่เสนอให้ใช้เงินในกระเป๋าของตัวเองก่อน โดยเฉพาะงบกลางที่กันไว้ใช้ยามฉุกเฉินยังเหลืออยู่พอสมควร หากบวกเข้ากับโครงการในงบประมาณปี 2563 หลายรายการที่ชะลอได้ จะมีตัวเลขกลมๆ เกือบ 2 แสนล้าน อีกทั้งขณะนี้ทั่วโลกประสบปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เหมือนกัน ดังนั้นการชะลอโครงการที่ไม่จำเป็น เช่น การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพ การศึกษาและดูงานต่างประเทศ โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ โครงการเช่าซื้อรถประจำตำแหน่ง ฯลฯ เป็นต้นแล้วโยกงบเหล่านี้มาใช้ก่อน จะทำให้ภาระการกู้ลดลงเหลือเพียงเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
“ผมเห็นด้วยกับมาตรการทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลกำหนดออกมา เพื่อช่วยเหลือประชาชนและลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องกู้เงิน ก็ควรกู้เท่าที่จำเป็นและใช้เงินในกระเป๋าตัวเองให้คุ้มค่าเสียก่อน แม้ฐานะการคลังของประเทศจะแข็งแรงและไม่มีปัญหากับการกู้เงินครั้งนี้ก็ตาม แต่การที่รัฐบาลตั้งใจนำเงินกู้มาแก้ปัญหาทั้งหมด โดยไม่ใช้เงินในกระเป๋าตัวเอง อาจไม่ใช่วิธีการที่ฉลาดและดีที่สุด”
ในส่วนของมาตรการชดเชยรายได้ให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบของรัฐบาลนั้นต้องการให้เร่งดำเนินการแจกให้ถึงมือประชาชนโดยเร็วที่สุด แต่การแจกเงินเพียงอย่างเดียว ยังไม่เพียงพอกับการแก้ไขปัญหา เพราะเงินที่อัดฉีดให้ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำมันหล่อลื่น หากฟันเฟืองธุรกิจต่างๆ ยังไม่หมุน อัดฉีดไปเท่าไหร่เศรษฐกิจก็ไม่ฟื้น เพราะประชาชนยังทำมาหากินไม่ได้ ดังนั้นนอกจากมาตรการแจกเงินแล้ว รัฐบาลต้องหาวิธีการให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตและทำมาหากินได้ตามปกติ โดยเริ่มจากธุรกิจที่สามารถควบคุมได้และไม่กระทบกับการป้องกันการแพร่ระบาด เพื่อให้ธุรกิจและแรงงานที่เปรียบเสมือนฟันเฟืองน้อยใหญ่เหล่านี้หมุนไปข้างหน้า โดยมีเงินชดเชยของรัฐบาลช่วยหล่อลื่นให้คล่องตัวและหมุนเร็วขึ้น
เกรงว่าถ้าปล่อยไปแบบนี้ เศรษฐกิจจะพังพินาศย่อยยับไปเรื่อยๆ การปิดเมืองเป็นเรื่องที่ถูกต้องแต่ต้องมีมาตรการรองรับ ไม่ใช่ตัดสินใจปิดเมืองแล้วให้ทุกคนอยู่บ้านเพียงอย่างเดียว ขณะนี้เมื่อประชาชนเรียนรู้การป้องกันตัวได้แล้ว รัฐบาลควรเร่งผ่อนคลายธุรกิจที่ไม่อันตรายก่อน ก่อนหน้านี้รัฐบาลยอมให้ธุรกิจบางประเภท เช่น ร้านสะดวกซื้อเปิดบริการได้ จึงมั่นใจว่ารัฐบาลย่อมพิจารณาธุรกิจอื่นๆ ให้เปิดบริการได้เช่นกัน โดยเฉพาะธุรกิจที่ไม่มีการปฏิสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด หรือธุรกิจที่สามารถเว้นระยะเพื่อป้องกันความเสี่ยง หากธุรกิจใดไม่กระทบกับการแพร่ระบาดหรือมีมาตรการป้องกันที่รัดกุม รัฐบาลควรเร่งพิจารณาโดยด่วน เพราะหากปล่อยให้สภาพเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ คนส่วนใหญ่อาจอดตายก่อนติดเชื้อโควิดแล้วตายก็ได้