คทง.ติดตามปัญหาภัยแล้งและไฟป่า เพื่อไทย หวั่นภัยแล้งโหมซ้ำวิกฤติโควิด-เศรษฐกิจ ทำชาวบ้านยิ่งลำบาก
11 เมษายน 2563 นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ในฐานะคณะทำงานติดตามปัญหาภัยแล้งและไฟป่า พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คณะทำงานฯ ได้ติดตามปัญหา และประชุมร่วมกันโดยเห็นว่า ขณะนี้ประเทศไทยและคนไทยนอกจากเผชิญปัญหาเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว ยังมีปัญหาใหญ่คือ ภัยแล้ง โดยเฉพาะในภาคอีสานและภาคเหนือ ที่สภาพทั่วไปในชนบทและชุมชนเมืองยังขาดน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภค เพราะแหล่งน้ำดิบเพื่อการผลิตน้ำประปายังไม่เพียงพอ อีกทั้งน้ำเพื่อการเกษตรก็ยังถือว่าวิกฤติหนัก โดยสายน้ำใหญ่ๆ อาทิ โขง ชี มูล ตลอดจนลำน้ำสาขาทั้งหลายมีปริมาณน้ำน้อยผิดปกติ ห้วย หนอง คลอง บึง ก็ยังแห้งขอด เขื่อนหลักๆ ในพื้นที่ เช่น เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนจุฬาภรณ์ ลำปาว และอื่นๆ ประสบกับวิกฤติมา 2 ปีแล้วยังไม่สามารถหล่อเลี้ยงพื้นที่ชลประทานได้ ส่งผลให้เกษตรกรไม่สามารถเพราะปลูกได้ โดยเฉพาะนาปรัง
คณะทำงานฯ ได้ติดตามการแก้ปัญหาภัยแล้งของรัฐบาลพบว่า ขาดประสิทธิภาพ เนื่องจากการจัดงบประมาณทั้งปี 2562 และปี 2563 น้อยไม่สอดคล้อง ยุทธศาสตร์ล่าช้าและส่อว่าจะมีการทุจริต ตัวอย่างเช่น ขณะนี้เดือนเมษายน ซึ่งร้อนและแล้งที่สุด การขุดลอก ห้วย หนอง คลองบึงเพื่อส่งน้ำสู่พื้นที่แห้งแล้งและรองรับน้ำฝนใหม่ แทบไม่มีการดำเนินการเลย เข้าใจว่าจะไปขุดลอกได้อีก 2-3 เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นฤดูฝนแล้ว ซึ่งนอกจากไม่ตอบโจทย์แล้วยังจะเปิดช่องมีการทุจริตได้ง่าย เนื่องจากการขุดดินในน้ำจะตรวจสอบยาก จึงเป็นการบริหารจัดการงบประมาณที่ไร้กระสิทธิภาพ การขุดเจาะบ่อบาดาลซึ่งน่าจะเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ดี แต่ขณะนี้นอกจากทำได้น้อยมาก ยังมีการตั้งราคาเกินราคาตลาด 300-400% นอกจากนี้การเยียวยาเกษตรกรด้วยเงินชดเชยภัยแล้ง น้ำท่วม ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ กลับพบว่าเงินชดเชยดังกล่าวก็ยังไม่ถึงมือเกษตรกร รัฐบาลจึงควรแบ่งเวลาและทรัพยากรมาแก้ไขปัญหาภัยแล้งด้วย เพราะขณะนี้นอกจากเราจะต้องประสบกับวิกฤติโควิด-19 แล้วปัญหาเศรษฐกิจซึ่งเกิดจากโควิด-19 ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว และซ้ำเติมด้วยปัญหาภัยแล้งไปอีก จึงห่วงว่าทุกคนจะต้องเผชิญวิบากกรรม