ภูมิธรรม ชี้ พิษเศรษฐกิจกำลังทำร้ายคนไทย หมดเวลารัฐบาลบริหารแบบไร้ประสิทธิภาพ-ไร้วิสัยทัศน์

16 เมษายน 2563 นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โพสต์เฟซบุ๊ก  Phumtham Wechayachai  ระบุว่า วิกฤติประเทศวันนี้ ต้องจัดการทุกระบบอย่างเร่งด่วน อยู่บนฐานของความเป็นจริง…หมดเวลาที่รัฐบาลจะบริหารอย่างเชื่องช้า ไร้ประสิทธิภาพ ไร้วิสัยทัศน์ เพราะประชาชนกำลังจะตายและทุกข์ทรมาน จากพิษร้ายของปัญหาทางเศรษฐกิจ ที่ทับถมรุนแรง

การจัดการแก้ปัญหา “โควิด-19” เป็นสถานการณ์ที่กระทบต่อหลากหลายมิติของสังคม ไม่ใช่มีเพียงปัญหาทางสาธารณสุขเท่านั้น โดยเฉพาะปัญหาทางเศรษฐกิจที่กำลังปะทุขึ้นมาเรื่อยๆ จากภาพข่าวที่เราได้เห็นกันไปเมื่อวันก่อนถึงความเดือดร้อน คับแค้นใจของพี่น้องประชาชนส่วนหนึ่งที่กระทรวงการคลัง

ผมคิดว่าสถานการณ์วันนี้…

1. การแก้ไขปัญหายังไม่เป็นระบบ มองปัญหาไม่ครบถ้วน ขาดการบูรณาการระหว่างกระทรวงต่างๆ ทำให้วันนี้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน จึงอยู่ในสภาพขาดๆ เกินๆ เรายังไม่เห็นมาตรการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรซึ่งเป็นอาชีพกลุ่มใหญ่สุดของประเทศ , เรายังไม่เห็นมาตรการช่วยพี่น้องผู้พิการที่ส่วนใหญ่ขาดโอกาสในการเข้าถึงบริการ , เรายังเห็นภาพคนยากจน หาเช้ากินค่ำ ตกหล่น ตกสำรวจอีกมาก ที่ขาดโอกาส ในการได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยา 5,000 บาทจากรัฐ การลงทะเบียนรับเงิน 5,000 บาท เป็นแค่พิธีกรรมบางส่วนที่ยังไม่สะท้อนความทั่วถึงที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหา… วันนี้พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จำนวนไม่น้อย เปรียบเหมือนผู้ป่วยหนักในห้อง ICU ที่ต้องการเครื่องช่วยหายใจอย่างเร่งด่วน เพื่อรักษาชีวิตให้รอด … รัฐบาลมองเห็นภาพปัญหานี้หรือไม่

ดังนั้น รัฐบาลจำเป็นต้องระดมทรัพยากร บุคลากรทุกภาคส่วน มาร่วมคิด วางแผน กำหนดมาตรการทุกระบบ เพื่อตอบสนองต่อวิกฤติในภาวะเร่งด่วน ระยะกลางและระยะยาว รวมถึงต้องเร่งฟื้นฟูเยียวยาเศรษฐกิจ การมีงานทำ การจ้างงานต่อประชาชนทุกกลุ่มอาชีพ อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ เร่งดำเนินการกับฐานข้อมูลประชากรกลุ่มต่างๆ ที่แต่ละกระทรวง มีอยู่อย่างบูรณาการ

2. “ผู้นำ”ต้องบริหารภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้นรุนแรงและขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ด้วยการนำที่เข้มแข็ง การทำงานเป็นทีม การประสานมืออาชีพและเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพ…ต้องมีความเป็นมืออาชีพในการบริหารจัดการทรัพยากร สามารถวางแผนที่ตอบสนองปัญหาหลายมิติ พร้อมกับจัดลำดับความสำคัญอย่างเป็นระบบ ไม่ปล่อยให้กฎ ระเบียบ และความเทอะทะของรัฐราชการแบบดั้งเดิม เป็นอุปสรรคในการจัดการกับปัญหาที่สร้างความเสียหายในระดับโลก

อย่าบริหารสถานการณ์วิกฤตรอบด้านด้วย “วิสัยทัศน์สั้น” เช่นนี้ เพราะไม่สามารถทำให้ประชาชนเข้าใจสถานการณ์และพร้อมให้ความร่วมมือได้

3. ต้องกล้าปรับงบประมาณที่ยังไม่มีความจำเป็นต่อสถานการณ์วิกฤติ เปลี่ยนมาเพื่อใช้ในการดูแล เยียวยาชีวิตของพี่น้องประชาชนทั้งทางด้านสาธารณสุขและทางด้านเศรษฐกิจ วิธีการนี้ดูจะเป็นเรื่องที่รัฐบาลสามารถเรียกความเชื่อมั่นในสายตาพี่น้องประชาชนได้ง่ายที่สุด ขึ้นอยู่ที่ “ผู้นำจะกล้าตัดสินใจหรือไม่” ที่ผ่านมา ท่านอาจจะอ้างว่าได้ทำแล้ว…แต่ผมคิดว่ายังไม่เพียงพอกับปัญหาวิกฤติที่พี่น้องประชาชนและประเทศกำลังเผชิญอยู่ในวันนี้

4. การแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ผมคิดว่ารัฐบาลยังไม่ได้มองเห็นถึงรากของปัญหาที่แท้จริง การมองปัญหาจากจอคอมพิวเตอร์ในห้องแอร์มันต่างกันราวฟ้ากับเหวกับชีวิตความเป็นจริงของผู้คนบนถนนและท้องนา เราไม่มีเวลาสร้างภาพให้ตัวเลขทางเศรษฐกิจใดๆ ต้องดูดี เราไม่มีเวลาเอาปัญหาซุกไว้ใต้พรมเพื่อกลบเกลื่อน แต่ต้องมองปัญหาให้เห็นความเป็นจริงของพี่น้องประชาชน โดยรัฐบาลต้องเปิดหู เปิดใจรับฟังจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดและทันท่วงที ไม่สะเปะสะปะอย่างเช่นทุกวันนี้

โดยสรุปแล้ว รัฐบาลมีหน้าที่โดยตรงที่จะต้องสร้างสมดุลชีวิตนี้ให้เกิดขึ้น เพราะ…หากรัฐบาลไร้ความสามารถและไม่อาจจัดการหรือสร้างเสริมชีวิตให้สมดุลดังกล่าวได้ คนไทยอาจมิได้ตายเพราะ ”โควิด-19” แต่อาจตายเพราะพิษร้ายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น เพราะความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารของ “ผู้นำ”

“ไม่มีเวลารีรออีกต่อไป ปัญหาประชาชนรอไม่ได้…ต้องบริหารวิกฤติที่กำลังเผชิญอย่างมีวิสัยทัศน์ รวดเร็ว และทั่วถึง คือ ทางรอดประเทศไทย”