คุณหญิงสุดารัตน์ แนะ 4 มาตรการทำทันที ย้ำรัฐบาลพิจารณาปรับงบฯ เร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
20 เมษายน 2563 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเพจ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan” ระบุว่า 4 มาตรการ ทำทันที!!
“ปรับงบปี 2563 , 2564 ใหม่ ก่อนการกู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท เพื่อลดเพดานการกู้ให้เหลือไม่ถึง 1 ล้านล้านบาท ลดภาระภาษีประชาชน-เร่งเยียวยาผู้เดือดร้อน-ฟื้นพลัง SMEs กระตุ้นการจ้างงาน-เปิดธุรกิจ เปิดการทำมาหากิน แบบมีข้อบังคับทางสาธารณสุข” ทำทันที เติมกำลังใจคนไทย สู้ภัยโควิด-19
รัฐบาลกำลังดำเนินการออก พ.ร.ก.เงินกู้จำนวน 1.9 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้เงินที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย
ซึ่งดิฉันในฐานะประธานกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย จึงมีความห่วงใยที่สุดใน 2 ประการ คือ
1. ดิฉันเห็นด้วยและสนับสนุนให้รัฐบาลใช้เม็ดเงินจำนวนมาก ในการเยียวยาประชาชนผู้เดือดร้อนให้ทั่วถึง และฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเร็ววัน
แต่ที่ดิฉันทวงติงด้วยความห่วงใยอย่างที่สุด คือรัฐบาลไม่ควรจะเลือกใช้วิธีง่ายๆ โดยการคิดกู้เพียงอย่างเดียวทั้งจำนวน 1.9 ล้านล้านบาท แต่ควรใช้วิธีปรับงบประมาณรายจ่ายที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนของงบประมาณปี 2563 และ 2564 ออกไปก่อน เพื่อให้เหลือเป็นภาระการกู้เงินให้น้อยที่สุด
เพราะการกู้เงินจำนวนสูงถึง 1.9 ล้านล้านบาท จะเป็นภาระให้ประชาชนและลูกหลานไทยจะต้องใช้หนี้ไปอีกนานทีเดียว
2. ดิฉันปรารถนาที่จะเห็นการใช้เม็ดเงินจำนวนมหาศาลนี้ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนได้ทั่วถึง และใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ให้ได้ผลดีต่อเศรษฐกิจของคนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง อย่างทั่วถึงเป็นธรรม โดยปราศจากการแสวงหาผลประโยชน์เพื่อคนบางกลุ่ม และการทุจริตคอร์รัปชัน
มีหลายคนถามว่า ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราจะช่วยเหลือประชาชนและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในวิกฤติครั้งนี้อย่างไร
ถ้าเราเป็นรัฐบาล เราจะเร่งดำเนินการดังต่อไปนี้
(1) “ตัดงบประมาณปี 2563 ที่มีสูงถึง 3.2 ล้านล้านบาท ที่ไม่จำเป็นออกไป”
ทั้งการซื้ออาวุธ , สร้างตึกใหม่, ซื้อรถใหม่, อบรมสัมมนา ฯลฯ ตัดให้ได้ 10-15% เราก็จะได้เงิน 3-5 แสนล้านบาท มาเยียวยาประชาชน 2 กลุ่ม ได้โดยไม่ต้องกู้ คือ
– กลุ่มประชาชนที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด 20 ล้านคน เดือนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน รวมใช้เงิน 3 แสนล้านบาท
– เกษตรกรรายย่อย 5 ล้านครัวเรือน ที่ประสบภัยแล้งและโควิด-19 ครอบครัวละ 35,000 บาท รวมใช้เงินอีก 1.75 แสนล้านบาท
รวม 2 รายการ ใช้เงินจำนวน 4.75 แสนล้านบาท สามารถจ่ายให้ประชาชนได้โดยยังไม่ต้องกู้ ส่วนการปรับลดงบประมาณที่ต้องเสนอเป็นกฎหมาย พรรคเพื่อไทยก็พร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ และหากจะต้องจ่ายเงินประชาชนในทันทีก็สามารถทำข้อตกลงกับสถาบันการเงินให้จ่ายประชาชนไปพลางก่อนได้
หากรัฐบาลไม่สามารถตัดงบประมาณปี 2563 และ 2564 ได้ หรือตัดได้น้อยกว่าที่ควรจะทำได้ ก็ควรจะต้องมีคำชี้แจงต่อประชาชน ให้ทราบว่าเหตุใดรัฐบาลจึงไม่สามารถตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนในส่วนนี้ออกไปได้ เพื่อนำเงินมาแก้ไขปัญหาวิกฤติของชาติก่อน
(2) “เร่งพิจารณาโครงการเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs” ในวงเงิน 500,000 ล้านบาท ตามที่รัฐบาลเสนอซึ่งเพื่อไทยเห็นด้วย และสนับสนุน แต่ต้องหามาตรการช่วยเหลือ SMEs รายย่อยที่อยู่นอกระบบเป็นจำนวนมากด้วย
เพราะถ้าฟื้นพลังของพี่น้อง SMEs ได้ จะกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบอย่างแท้จริง
รวมทั้งต้องนำไปช่วย Sector การส่งออก และการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้ฟื้นกลับคืนมาโดยเร็ววันด้วย
อีกโครงการที่พรรคเพื่อไทยเห็นด้วยอย่างยิ่ง คือโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ ในวงเงินที่รัฐบาลเสนอคือ 400,000 ล้านบาท แต่ต้องใช้ให้มีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจ้างงานและการสร้างรายได้ใหม่ให้ประชาชนในท้องถิ่นต่างๆอย่างทั่วถึง ได้อย่างแท้จริง เราจึงจะสามารถฟื้นเศรษฐกิจของประเทศได้
อย่างไรก็ตาม เงินในส่วนนี้ต้องกู้ แต่ต้องกู้เท่าที่จำเป็น ไม่ใช่กู้ทั้ง 1.9 ล้านล้านบาท โดยไม่ยอมตัดงบประมาณใดๆ หรือตัดในจำนวนน้อยมาก
ต้องกู้หลังตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนในปี 2563 และ 2564 ออกไปก่อน ซึ่งจะทำให้รัฐบาลสามารถลดวงเงินกู้ไปได้ถึงครึ่งหนึ่ง จากต้องกู้สูงถึง 1.9 ล้านล้านบาท จะเหลือกู้ไม่ถึง 1 ล้านล้านบาทได้ ซึ่งจะเป็นการลดภาระของประชาชน และลูกหลานที่ต้องเป็นผู้ชำระหนี้ก้อนนี้ต่อไปอีกยาวนาน
(3) “เร่งเตรียมมาตรการที่จะเปิดเมืองเปิดธุรกิจ และการทำมาหากินของประชาชน”
เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจดำเนินการได้ บนพื้นฐานความปลอดภัยของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด และเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่กำลังสาหัสสำหรับประชาชน
ดิฉันขอเรียกมาตรการนี้ว่า “การ Reopening แบบมีข้อบังคับทางสาธารณสุข” เพื่อความปลอดภัย ปลอดเชื้อของประชาชน และลดผลกระทบทางเศรษฐกิจไม่ให้สาหัสไปกว่านี้
(4) “เร่งพิจารณามาตรการผ่อนผันภาระของประชาชน และภาคธุรกิจออกไปก่อน” ทั้งการพักชำระหนี้ทุกประเภทออกไป6 เดือน การงดเก็บค่าน้ำค่าไฟสำหรับบ้านที่ใช้ไม่เกิน 1000 บาท/เดือน เป็นต้น
ทั้ง 4 มาตรการที่ดิฉันนำเสนอ เป็นสิ่งที่รัฐบาลนำไปทำได้ทันที นโยบายใดก็ตามที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนในยามนี้ เพื่อไทยพร้อมให้การสนับสนุน พร้อมร่วมชี้แนะให้การบริหารของรัฐบาลมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ดิฉันเชื่อว่าในภาวะยากลำบากนี้ ต้องทำให้ความทุกข์ร้อนของพี่น้องประชาชนเบาบางลงมากที่สุด เราต้องทำให้พี่น้องประชาชนมีพลังกาย พลังใจต่อสู้กับโรคร้าย ด้วยความอิ่มปากอิ่มท้อง ไม่ใช่ทุกข์หนักอย่างทุกวันนี้
พรรคเพื่อไทยจะยืนหยัดช่วยเหลือพี่น้อง อยู่ตรงนี้ อยู่ที่นี่ ไม่ไปไหน จะทุ่มเททุกสรรพกำลัง และศักยภาพที่เรามีทั้งหมด ผ่อนทุกข์ให้ประชาชนให้ได้มากที่สุดเช่นกัน