พรรคเพื่อไทย เสนอ “5 มาตรการ” เปิดทางเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ แนะ “รัฐบาล” ลดสร้างเงื่อนไข -คลายล็อกส่วนที่ไม่จำเป็นต่อการควบคุมโรค

8 พฤษภาคม 2563 น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงถึงความเห็นของคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคต่อกรณีการคลายล็อกและผ่อนปรนมาตรการต่างๆ ของรัฐว่า พรรคเพื่อไทยเห็นด้วยกับการคลายล็อกและผ่อนปรนมาตรการต่างๆ เพราะถือเป็นเรื่องจำเป็นที่รัฐจะต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตและทำมาหากินได้ตามปกติ แต่ยังต้องเข้มงวดและรักษามาตรการป้องกันการแพร่ระบาด สำหรับความสำเร็จของมาตรการสาธารณสุขที่ผ่านมา ต้องขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนที่ร่วมมือร่วมใจกัน จนสามารถลดอัตราผู้ติดเชื้อมาอยู่ในระดับที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตามมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลก็ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างแสนสาหัส เพราะต้องตกงานหรือรายได้ลดลง แม้จะจ่ายเงินชดเชย 5,000 บาทเยียวยาให้ผู้เดือดร้อน แต่ก็ยังไม่ทั่วถึงและเป็นเพียงการบรรเทาปัญหาเท่านั้น ดังนั้นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนคือต้องปลดล็อกและผ่อนปรนมาตรการต่างๆ ที่ไม่จำเป็นต่อการควบคุมโรค เพื่อให้ประชาชนกลับมาทำมาหากินได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด พรรคเพื่อไทยมีข้อเสนอแนะดังนี้ 

1. รัฐต้องไม่สร้างเงื่อนไขให้กับประชาชนมากเกินไปจนกลายเป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากิน ถึงวันนี้พิสูจน์แล้วว่าประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในการป้องกันตัวเองและผู้อื่น หากรัฐสร้างเงื่อนไขเพื่อควบคุมประชาชนมากเกินไป ย่อมทำให้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถประกอบอาชีพและดำรงชีวิตได้เหมือนเดิม ดังนั้นรัฐควรยกเลิกเงื่อนไขที่ไม่มีประโยชน์ต่อการควบคุมโรคออกไปทุกข้อ เช่น มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในร้านอาหารที่กำหนดให้ทุกโต๊ะนั่งได้คนเดียว กรณีแบบนี้ควรอนุโลมได้ถ้าลูกค้ามาจากครอบครัวเดียวกัน เป็นต้น

2. รัฐควรผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ที่ไม่กระทบกับการควบคุมโรคเพื่อให้ประชาชนสามารถกลับไปทำงานได้เร็วที่สุด โดยต้องใช้ทรัพยากรของรัฐสนับสนุนการทำมาหากินของประชาชนอย่างเต็มที่ เช่น รัฐควรเพิ่มจำนวนเที่ยวรถไฟฟ้า ขนส่งมวลชน ขนส่งสาธารณะ เรือ เพื่อลดจำนวนความแออัดและฉีดพ่นฆ่าเชื้อทุกเที่ยวตามมาตรการควบคุมโรค และควรมีมาตรการผ่อนปรนให้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สามารถเปิดใช้งานได้ ตามตึกในที่ทำงานและห้างสรรพสินค้า ตามมาตรฐานสาธารณสุข เช่น ฟู้ดคอร์ท เพื่อสนับสนุนการปลดล็อกดาวน์ให้ประชาชนกลับไปทำงานได้เหมือนเดิม 

3. รัฐควรผ่อนปรนเรื่องกำหนดเวลาเคอร์ฟิว เมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงและคนไทยมีวินัยในการป้องกันตัวเองและผู้อื่นสูงขนาดนี้ การกำหนดเวลาเคอร์ฟิวที่ใช้อยู่ในขณะนี้ จึงเกินความจำเป็นและกลายเป็นอุปสรรคกับการทำมาหากินของคนหลากหลายอาชีพ เช่น รถรับจ้าง ร้านอาหารรอบดึก สายการบิน รถทัวร์ ตลาดนัดกลางคืน ธุรกิจขายส่ง ธุรกิจส่งออก ฯลฯ ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงเห็นว่ารัฐบาลควรผ่อนคลายเวลาเคอร์ฟิวให้สั้นลง หรือควรยกเลิกไปได้แล้ว

4. รัฐควรมีมาตรการควบคุมเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างเข้มงวด ไม่ให้ฉวยโอกาสใช้อำนาจแสวงประโยชน์จากประชาชน เพราะทุกคนเดือดร้อนถ้วนหน้า วันนี้คนทำมาหากินลำบากมากขึ้น ต้นทุนสูง กำไรหด หากยังโดนเจ้าหน้าที่รีดไถด้วยการอ้างเหตุจากเงื่อนไขที่รัฐกำหนด ก็ยิ่งซ้ำเติมทุกข์ให้หนักมากขึ้น ดังนั้นผู้มีอำนาจต้องเข้มงวด อย่าปล่อยปละละเลยให้ลูกน้องมีพฤติกรรมเช่นนี้กับประชาชนอย่างเด็ดขาด

5. รัฐควรพิจารณายกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และนำ พ.ร.บ.โรคติดต่อ มาบังคับใช้แทน เพราะการบังคับใช้มาตรการสาธารณสุขที่ผ่านมาดำเนินการมาอย่างได้ผล และสถานการณ์แพร่ระบาดมีแนวโน้มดีขึ้นเป็นลำดับ ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีกต่อไป

“ขณะนี้ เงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท ที่รัฐบาลใช้อำนาจออกเป็น พ.ร.ก.ถือว่าถูกบังคับใช้แล้ว ดังนั้นการใช้เงินดังกล่าวต้องทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศและประชาชน การที่รัฐยังสร้างเงื่อนไขกับประชาชนเกินความจำเป็น ย่อมสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นอุปสรรคกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วย พรรคเพื่อไทยจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลจะรับฟังข้อเสนอของพรรคและฟังเสียงของประชาชน และนำมาสู่การคลายล็อกและผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ตามสถานการณ์ที่แท้จริง ทั้งนี้เพื่อให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้พี่น้องประชาชนกลับมาลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าว

ขณะที่ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้คนไทยมีภูมิคุ้มกันในการป้องกันตนเอง ถึงเวลาแล้วที่จะต้องคลายล็อกเศรษฐกิจ เข้มควบคุมโรค เพื่อจะได้กลับมาใช้ชีวิตประจำวันและทำงานโดยเร็วที่สุด เพราะขณะนี้ประชาชนเดือดร้อน เนื่องจากขาดรายได้จากมาตรการของรัฐเป็นจำนวนมาก ตัวเลขคนตกงานอาจสูงถึง 10 ล้านคน ขณะที่ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการล็อกดาวน์ ถือเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไขเยียวยา