ข้อเสนอแนะเพื่อนำไปสู่การสร้างความสามัคคีปรองดองที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืน

ที่
พท.0010/2560

วันที่ 21 มีนาคม 2560

เรื่อง  ​ข้อเสนอแนะเพื่อนำไปสู่การสร้างความสามัคคีปรองดองที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืน

เรียน​  ประธานคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง

(พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล)

อ้างถึง​  หลักการและแนวทางการปรองดองของพรรคเพื่อไทยที่ได้เสนอต่อคณะอนุกรรมการฯ

เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2560

ตามที่พรรคเพื่อไทยได้ส่งตัวแทนของพรรคเข้าให้ข้อมูลความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง
ซึ่งมีท่านเป็นประธานอนุกรรมการ เมื่อวันที่ 8มีนาคม 2560โดยมีข้อเสนอแนะอันเป็นสาระสำคัญว่าการสร้างความปรองดองนั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์ของคนทั้งประเทศ
การดำเนินการจึงควรจะต้องได้รับความเชื่อถือไว้วางใจและยอมรับของประชาชนผู้ที่จะเข้ามาดำเนินการในเรื่องดังกล่าวควรเป็น
คณะกรรมการอิสระ” ที่มาจากทุกภาคส่วนไม่อยู่ภายใต้การสั่งการหรือครอบงำของ
คสช. รัฐบาล หรือองค์กรใด โดยคณะกรรมการอิสระจะต้องมีความเป็นกลาง ปราศจากอคติและใช้หลักนิติธรรมในการดำเนินการอย่างเคร่งครัด
พร้อมกับต้องเปิดโอกาสให้นักวิชาการ สื่อมวลชน
องค์กรภาคประชาชนและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งได้มีโอกาสในการเสนอความคิดเห็นอย่างเสรี
ผ่านช่องทางต่างๆ โดยไม่ควรให้การรับฟังความคิดเห็นเป็นเพียงพิธีกรรมเท่านั้น
รวมถึงจะต้องไม่มีการเลือกปฏิบัติด้วย อีกทั้ง
ผลสรุปของแนวทางสร้างความปรองดองนั้น
ต้องเป็นข้อตกลงร่วมกันบนพื้นฐานของการคำนึงถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์อย่างเสมอภาคเท่าเทียมกันบนพื้นฐานของหลักการประชาธิปไตยและหลักนิติธรรมที่เป็นสากล
ไม่ใช่เกิดจากการบังคับด้วยอำนาจ รายละเอียดปรากฎตามเอกสารที่อ้างถึงนั้น

​พรรคเพื่อไทยตระหนักถึงความสำคัญของข้อเสนอข้างต้นเป็นอย่างยิ่ง
เนื่องจากกระบวนการสร้างความสามัคคีปรองดองนั้น
มิใช่การมองเหตุการณ์ในอดีตแล้วปล่อยพ้นไปโดยมุ่งเพียงเพื่อจะป้องกันมิให้เกิดความขัดแย้งในอนาคตเท่านั้น
แต่การยุติความขัดแย้งในอดีตจนถึงปัจจุบันนั้น
จะต้องเข้าถึงแก่นแท้ของต้นเหตุปัญหาและต้องทราบถึงคู่ขัดแย้งและผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาความขัดแย้งในแต่ละเหตุการณ์ให้ครบถ้วนถูกต้อง
อันจะนำไปสู่วิธีการเยียวยาผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นธรรม เพื่อให้เกิดความพอใจและให้อภัยระหว่างกัน
ลืมความบาดหมางในอดีตและตกลงร่วมกันที่จะอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติแม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างภายใต้กฎกติกาที่เป็นธรรมและได้รับการยอมรับของทุกฝ่าย
ซึ่งกระบวนการทั้งหมดจะสำเร็จลงได้ก็ต้องอาศัยการดำเนินการที่มีความเป็นอิสระ
ความเป็นกลางและปราศจากอคติอย่างแท้จริง การที่พรรคได้เสนอให้มี “คณะกรรมการอิสระ”
ขึ้นมาดำเนินการในเรื่องนี้
จึงเป็นข้อเสนอที่มีเหตุผลเพื่อยุติความขัดแย้งและสร้างความสามัคคีปรองดองให้เกิดเป็นรูปธรรมและมีความยั่งยืนอย่างแท้จริง
แต่เมื่อได้พิจารณาคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการที่เข้ามาทำหน้าที่ดังกล่าว
ทั้งคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ
ยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความปรองดอง (ป.ย.ป.) คณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความ

สามัคคีปรองดอง
คณะอนุกรรมการบูรณาการข้อคิดเห็นและเสนอแนะและคณะอนุกรรมการจัดทำข้อเสนอกระบวนการปรองดองจะเห็นได้ว่ากรรมการและอนุกรรมการส่วนใหญ่เป็นข้าราชการทั้งหมด
ทั้งข้าราชการการเมืองและข้าราชการประจำ
โดยการดำเนินการทั้งหมดอยู่ภายใต้อำนาจการครอบงำหรือการตัดสินใจของหัวหน้า คสช.
และนายกรัฐมนตรี จึงทำให้การดำเนินการขาดความเป็นอิสระและความเป็นกลาง
การจะไปสู่จุดหมายของการสร้างความสามัคคีปรองดองจึงเป็นไปได้ยากยิ่ง

​ดังนั้น พรรคเพื่อไทย
จึงเห็นว่าเพื่อให้กระบวนการสร้างความสามัคคีปรองดองบรรลุผลสำเร็จตามเจตนาและเป้าหมายอย่างแท้จริง
ควรต้องดำเนินการ ดังนี้

​1. รัฐบาลควรจัดตั้ง “คณะกรรมการอิสระ” ซึ่งมีองค์ประกอบของกรรมการมาจากทุกภาคส่วนและเป็นบุคคลที่มีความเป็นกลางและเที่ยงธรรม
ได้รับการยอมรับจากสังคมมาเป็นผู้ดำเนินการในการแสวงหาข้อเท็จจริง
ต้นเหตุของปัญหาและวิธีการเยียวยาแก้ไข รวมถึงจัดทำข้อเสนอกระบวนการปรองดองโดยให้นำข้อมูลที่ได้จากการรับฟังความคิดเห็นของคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองที่ได้รวบรวมไว้ทั้งหมดส่งให้กับคณะกรรมการอิสระดังกล่าวเพื่อใช้ประกอบในการดำเนินการต่อไป
และยกเลิกคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง คณะอนุกรรมการบูรณาการข้อคิดเห็นและเสนอแนะและคณะอนุกรรมการจัดทำข้อเสนอกระบวนการปรองดอง
ซึ่งมีองค์ประกอบที่ขาดความเป็นอิสระและความเป็นกลาง

​2. เมื่อคณะกรรมการอิสระได้ดำเนินการแล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ให้เผยแพร่รายงานและข้อเสนอดังกล่าวต่อสาธารณชนพร้อมกับการเสนอต่อคณะกรรมการ
ป.ย.ป.และรัฐบาลโดยจะต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อเสนออันเป็นสาระสำคัญของคณะกรรมการอิสระ

​3. ความเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระจะต้องมีการนำไปปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรมและผูกพันผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายไม่ว่าฝ่ายนิติบัญญัติ
ฝ่ายบริหารและฝ่ายตุลาการ รวมถึงประชาชนทุกภาคส่วน

​4. ในระหว่างการดำเนินการของคณะกรรมการอิสระ
คสช.และรัฐบาลต้องสร้างบรรยากาศของความเป็นประชาธิปไตยโดยเปิดโอกาสให้นักวิชาการ
สื่อมวลชน องค์กรภาคประชาชนและผู้ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง ได้มีโอกาสเสนอความคิดเห็นได้อย่างเสรี
ปราศจากการคุกคามในทุกรูปแบบ และยกเลิกคำสั่งและประกาศของ คสช.หรือหัวหน้า
คสช.ที่จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนทั้งหมด

​พรรคเพื่อไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า
ท่านในฐานะประธานอนุกรรมการรังฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองจะได้นำหลักการและข้อเสนอของพรรคเสนอต่อผู้มีอำนาจเกี่ยวข้องและรัฐบาล
เพื่อพิจารณาดำเนินการด้วย
ทั้งนี้เพื่อให้กระบวนการสร้างความสามัคคีปรองดองประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับจากประชาชนและคู่ขัดแย้งทุกฝ่ายต่อไป

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

ขอแสดงความนับถือ

พลตำรวจโท

(วิโรจน์ เปาอินทร์)

รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

22 มี.ค. 60