คำแถลงพรรคเพื่อไทย : เรื่อง ให้ คสช.และรัฐบาล ยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชน และนำประเทศกลับสู่ความเป็นปกติสุข
พรรคเพื่อไทยได้ติดตามสถานการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศ
ตั้งแต่มีการยึดอำนาจโดย คสช. เมื่อปี 2557 ด้วยความกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่องตลอดมา
และผู้มีอำนาจกลับไม่ตระหนัก และไม่ตั้งใจที่จะแก้ปัญหา โดยเฉพาะท่าทีของรัฐบาลและ
คสช. ที่ประกาศให้สิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งย้อนแย้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
พรรคฯ จึงขอแถลงดังต่อไปนี้
1.
การรัฐประหาร เมื่อปี 2557 คือ ต้นธารของการละเมิดสิทธิมนุษยชน คสช. ได้ออกประกาศและคำสั่ง และมีการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน
เช่น ประกาศให้มีการจับกุมคุมขังโดยไม่ต้องมีหมาย การห้ามชุมนุมทางการเมือง
การห้ามมิให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมือง การดำเนินคดีพลเรือนในศาลทหาร
การนำสื่อมวลชน นักการเมืองและผู้เห็นต่างควบคุมตัวในค่ายทหาร การปิดรายการโทรทัศน์ อีกทั้งยังมีการละเมิดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยการใช้กฎหมายปิดปากผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและ
คสช. อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการตั้งข้อกล่าวหาในคดีอาญาเกี่ยวกับความมั่นคง
ที่รุนแรงเกินจริงตามมาตรา 116 ประมวลกฎหมายอาญากับนักการเมือง
สื่อมวลชนที่เห็นต่างดังเช่นที่กระทำกับนักศึกษาและประชาชนกลุ่ม “We walk”
และกลุ่ม “MBK 39”
ที่ออกมาเรียกร้องให้มีการแก้ปัญหาความเดือดร้อน และจัดให้มีการเลือกตั้ง ทั้งๆ
ที่เป็นสิทธิโดยชอบธรรม และเป็นการทวงสัญญาที่นายกรัฐมนตรีได้ให้ไว้ แต่ไม่ทำตามหลายครั้ง
2.
การประกาศให้สิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ
มิได้ช่วยให้การละเมิดสิทธิมนุษยชนยุติลง แต่กลับทำให้ได้เห็นความย้อนแย้งในพฤติกรรมของ
คสช.และรัฐบาลอย่างชัดแจ้ง ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทยนั้นถูกจับตามองจากมิตรประเทศ
เช่น สหภาพยุโรปที่ได้เรียกร้องให้รัฐบาลไทยยุติการละเมิด และคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
เสรีภาพในการชุมนุม เสรีภาพในการทำกิจกรรมของพรรคการเมือง
รวมทั้งสิทธิของคนไทยที่จะได้เลือกตั้งผู้แทนมาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ จนตั้งเงื่อนไขว่าจะไม่เจรจาและลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีกับไทย จนกว่าจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
ซึ่งทำให้ประเทศไทยเสียประโยชน์ทางเศรษฐกิจ นอกจากนั้นหลายองค์กรได้ลดระดับของไทยในเรื่องเสรีภาพ
เช่น ฟรีด้อมเฮาส์ ที่จัดลำดับไทยต่ำกว่าสหภาพพม่า
ทำให้เกียรติภูมิของประเทศเสียหาย
พรรคฯ
เห็นว่า แม้รัฐบาลจะประกาศให้สิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ
แต่ทำไปเพียงที่จะลดแรงกดดันจากต่างประเทศ และเป็นความพยายามในการสร้างภาพลักษณ์
แต่ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนยังคงอยู่ตลอดมานับแต่การรัฐประหารจนถึงปัจจุบัน
แม้แต่พลเอกประยุทธ์ ฯ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ที่กล่าวในวันสิทธิมนุษยชนสากลที่ผ่านมา ก็ยังไม่เข้าใจและตระหนักถึงปัญหาที่แท้จริง เช่นที่กล่าวว่ามีการไปดึงเรื่องสิทธิมนุษยชน
โดยไม่คำนึงถึงข้อกฎหมาย
หรือไม่ต้องการให้กฎหมายเป็นเครื่องมือที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง หรือที่กล่าวว่าอย่าเอาสิทธิมนุษยชนไปล้มทุกอย่าง
คำกล่าวเหล่านี้สะท้อนความไม่เข้าใจของผู้นำถึงปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศที่มีอยู่
เนื่องจากกฎหมาย และสิทธิมนุษยชนมิใช่เรื่องเดียวกัน เช่น คำสั่ง คสช.
ที่ห้ามประชาชนชุมนุมเกิน 5 คนนั้น แม้เป็นกฎหมาย แต่ก็คือการละเมิดสิทธิมนุษยชนในการใช้เสรีภาพในการชุมนุมทางการเมืองในตัวของมันเอง
ขัดต่อทั้งปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนที่ไทยมีพันธกรณีต้องปฏิบัติตาม
และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงเป็นการยากที่จะทำให้นโยบายการนำสิทธิมนุษยชนมาเป็นวาระแห่งชาติ โดยการเอาสิทธิมนุษยชนร่วมขับเคลื่อนไทยแลนด์
4.0 ให้สำเร็จตามที่มีการปฏิบัติการไอโอ ชวนเชื่อ
3. พรรคฯ เรียกร้องให้ คสช. และรัฐบาล ยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยพลันโดย…
3.1
ยกเลิกประกาศและคำสั่งที่เป็นการละเมิดสิทธิ
เสรีภาพของประชาชน เช่น คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน
5 คน , ประกาศ คสช. ที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่จับกุมคุมขังโดยไม่ต้องมีหมาย, ประกาศ
คสช. ที่ห้ามมิให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมือง เป็นต้น
3.2
ยุติการดำเนินคดีกับพี่น้องนักศึกษาและประชาชนที่ใช้สิทธิ
เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ในนามกลุ่ม “We walk” และในนามกลุ่ม “MBK
39”
3.3
ยุติการใช้กฎหมายปิดปาก และยุติการดำเนินคดีกับสื่อมวลชน
นักการเมือง และประชาชนที่เห็นต่าง และตรวจสอบ และวิจารณ์การทำงานของคสช.
และรัฐบาล และเปิดพื้นที่เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของสื่อมวลชนและประชาชนอย่างจริงจัง
พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้
คสช. และรัฐบาล หยุดละเมิดสิทธิมนุษยชน หยุดคุกคามประชาชนผู้เห็นต่าง ปรับทัศนคติของ
คสช. และรัฐบาลให้ตระหนักถึงความสำคัญ และคุ้มครองสิทธิมนุษยชนให้เกิดเป็นผลขึ้นจริงในทางปฏิบัติ
มิใช่เป็นเพียงวาทกรรมที่ว่างเปล่าเท่านั้น พรรคฯ เห็นว่าความปรองดองและสมานฉันท์ของคนในชาติ
และการนำประเทศกลับคืนสู่ความเป็นปกติสุข มิอาจเกิดขึ้นได้เลย
ถ้าปราศจากการคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพของประชาชนให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง
พรรคเพื่อไทย
14 กุมภาพันธ์ 2561