คำแถลงจากเลขาธิการพรรคเพื่อไทย

จากกระแสข่าวการเดินทางไปพบอดีตนายกฯ ของสมาชิกพรรคเพื่อไทย
และการแสดงความเห็นของบางท่านต่อกรณีดังกล่าวว่า
เป็นเรื่องที่อาจมีนัยทางการเมืองหรืออาจเป็นปัญหาทางการเมืองนั้น

ผมขอเสนอความเห็นว่า
การพบปะเยี่ยมเยียนบุคคลอันเป็นที่เคารพรักของตนในช่วงเวลาสำคัญๆ
ตามประเพณีบางครั้ง หากจะมีและเกิดขึ้นจริงตามที่เป็นข่าวนั้น
ย่อมถือเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคลของสมาชิกพรรคแต่ละท่าน
ที่มีความระลึกถึงและปรารถนาจะพบกับอดีตนายกรัฐมนตรี
ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพรักของตน เป็นการแสดงออกอย่างเปิดเผย
บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่มนุษย์พึงมีต่อมนุษย์
และเป็นการแสดงความเคารพนับถือตามวัฒนธรรมที่ถือปฏิบัติกันต่อมาโดยตลอด
ดังเช่นในช่วงเวลาสำคัญที่เป็นเทศกาลปีใหม่ของคนไทยเชื้อสายจีน
ต้องถือเป็นเรื่องปกติ ที่ไม่ได้มีนัยสำคัญทางการเมืองใดๆ
แต่การแสดงออกเช่นนี้กลับถูกนำมาเป็นเงื่อนไขทางการเมืองเพื่อลิดรอนหรือตัดตอนพรรคการเมืองที่เห็นต่างเหมือนในหลายกรณีที่พรรคเพื่อไทยได้เคยถูกกระทำมาแล้ว

พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคการเมืองซึ่งมีสถานะเป็นนิติบุคคล มีหัวหน้าพรรค
รองหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรค
ซึ่งทุกท่านล้วนเป็นตัวแทนของพรรคที่ได้รับเลือกตั้งจากสมาชิกพรรคตามกระบวนการทางกฎหมายและเป็นไปตามวิถีทางในระบอบประชาธิปไตย
คณะกรรมการบริหารพรรค ประกอบด้วย หัวหน้าพรรค
เลขาธิการพรรคและคณะกรรมการบริหารแต่ละชุดจึงถือเป็นผู้แทนพรรคการเมืองอย่างถูกต้องและชอบธรรมทั้งทางนิตินัยและพฤตินัย
การตัดสินใจสำคัญใดๆ ของพรรคเพื่อไทย
ล้วนดำเนินการและเกิดขึ้นโดยอาศัยกระบวนการตัดสินใจของคณะกรรมการบริหารอย่างมีระบบและแบบแผน
อำนาจการตัดสินใจใดๆ ของคณะผู้บริหารพรรค
จำเป็นต้องรับฟังความเห็นจากสาขาพรรค จากที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค
และที่สำคัญต้องอยู่บนพื้นฐานการรับฟังความเห็นอย่างกว้างขวางจากสมาชิกพรรค
รวมถึงความต้องการของประชาชน
ที่จะเป็นฝ่ายเสนอและตรวจสอบการดำเนินการตามระบบของพรรค
จึงไม่สามารถที่จะมีการบงการ สั่งการ หรือโน้มน้าวใดๆ
จากปัจเจกบุคคลตามที่ถูกนำมากล่าวอ้างได้
การนำประเด็นความห่วงใยมาบอกกล่าวต่อกันก็เป็นการสื่อสารเชิงบวกที่ผู้ใหญ่มีต่อบุคคลนั้นๆ
ด้วยความปรารถนาดี มิใช่การสั่งการ ควบคุม
กำหนดเงื่อนไขทางการเมืองต่อพรรค
การนำประเด็นดังกล่าวนี้ไปสร้างเป็นเงื่อนไขในการยุบพรรค
จึงเป็นบทละครเดิมๆ ที่ถูกนำมาใช้อย่างสม่ำเสมอ ในอีกด้านหนึ่งก็คือ
การแสดงออกถึงความวิตกกังวลของอำนาจตนที่กำลังคลอนแคลนในปัจจุบัน
จนต้องพยายามหาเหตุกลั่นแกล้ง
ทำลายหรือกำจัดผู้มีความเห็นแตกต่างทางการเมืองกับฝ่ายตน
ซึ่งผู้ที่รักความเป็นธรรมในสังคมต่างเข้าใจและประจักษ์ชัดกลเกมนี้อยู่แล้ว

ปัจจุบันพรรคเพื่อไทยมีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ และ
พ.ร.ป.พรรคการเมือง
ซึ่งกิจกรรมทางการเมืองโดยเฉพาะเรื่องการคัดเลือกตัวผู้สมัคร
รวมถึงผู้นำพรรค เป็นสิ่งที่ไม่สามารถดำเนินการให้เกิดขึ้นได้ในปัจจุบัน
เพราะพรรคยังไม่สามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองใดๆ ได้
ฉะนั้นกระแสข่าวที่พูดถึงการจัดวางตัวผู้สมัครและผู้นำพรรคจึงไม่มีมูลความจริงทั้งสิ้น

ผมในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย
ขอยืนยันอย่างหนักแน่นอีกครั้งหนึ่ง
ในกรอบการดำเนินการทางการเมืองของพรรคดังกล่าวข้างต้น
และพรรคได้มีการสื่อสารต่อท่านสมาชิกพรรคให้ระมัดระวังการแสดงความคิดเห็นอันจะนำไปสู่การเข้าใจผิด

และเกิดการตีความที่ทำให้ผู้ที่ไม่ปรารถนาดีต่อพรรคหยิบยกมาเป็นประเด็นการสร้างความเข้าใจผิดและกล่าวหาโจมตีพรรคได้
ผมขอเรียกร้องให้ยุติการกล่าวร้ายและการสร้างความเข้าใจผิดต่อพรรคเพื่อไทย
และขอใช้พื้นที่ผ่านสื่อมวลชนแลกเปลี่ยนกับทุกฝ่าย
เพื่อขอให้เราช่วยกันใช้ช่วงเวลาดังกล่าวอำนวยให้เกิดความสามัคคีและการสร้างประโยชน์สุขให้เกิดขึ้นแก่พี่น้องประชาชน
น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในยามนี้

ภูมิธรรม เวชยชัย
เลขาธิการพรรคเพื่อไทย
22 กุมภาพันธ์ 2561