บทสัมภาษณ์ : ความเห็นเกี่ยวกับร่างข้อบังคับพรรคเพื่อไทย มุมมองเศรษฐกิจประเทศ และสถานการณ์คนรุ่นใหม่

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล ที่ปรึกษาเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (อีกหนึ่งคนรุ่นใหม่ ที่ตัดสินใจ เข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย)

กรณีพรรคเพื่อไทยเผยแพร่ร่างข้อบังคับพรรคเพื่อการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนนั้น ผมได้ศึกษาข้อบังคับพรรคโดยเฉพาะในส่วนของนโยบายพรรคแล้วรู้สึกภูมิใจที่พรรคเพื่อไทยแม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ยังสามารถยืนหยัดรักษาตัวตนและจุดยืนทางนโยบายของพรรคอย่างมั่นคง จึงอยากเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นต่อข้อบังคับพรรคร่วมกัน เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการในทุกมิติมากที่สุด

หากถามว่าใน 4 ปีต่อจากนี้ มองอนาคตเศรษฐกิจประเทศอย่างไร ในความเห็นส่วนตัวมองว่าในช่วงต่อจากนี้เราอาจได้เห็น ภาวะตลาดเงินของโลกที่ “ผกผัน” มากขึ้นตามลำดับ ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับว่าระบบเศรษฐกิจของเรามีภูมิคุ้มกันมากน้อยเพียงใด หนึ่งในวิธีการที่สำคัญคือการสร้างเกราะกำบังประเทศที่มีประสิทธิภาพคือการสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยการทำให้ประชาชนมีกระแสรายได้ที่มั่นคงและผสมผสานไปกับการทำให้เกิดสภาวะที่ประชาชนพร้อมที่จะใช้รายได้นั้นอย่างเหมาะสม

ผมเชื่อในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ผมไม่เชื่อว่าการสนับสนุน “ธุรกิจขนาดใหญ่” หรือ “กลุ่มธุรกิจใหญ่” เพียงอย่างเดียวจะสามารถโอบอุ้มระบบเศรษฐกิจของประเทศได้ในระยะยาว ทรัพยากรควรจะถูกกระจายไปในภาคส่วนที่ทำให้เกิดการเคลื่อนตัวของเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ  

ส่วนความกังวลต่อการปรับตัวของประเทศเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดในปัจจุบันนั้น ผมมองว่าในระยะที่ 1 อาจส่งผลกระทบต่อการจ้างงานบ้าง แต่ในระยะที่ 2 แล้ว ในที่สุดแล้วเทคโนโลยีเหล่านั้นจะนำไปสู่ขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ขึ้นอย่างทวีคูณ ซึ่งนำไปสู่การจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ประเทศที่สามารถปรับตัวทางโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีและทรัพยากรบุคคลได้รวดเร็วจะสามารถเข้าสู่ระยะที่ 2 ได้รวดเร็วกว่า จะกลายเป็น “ผู้ชนะ” หรือผู้ควบคุมเทคโนโลยี แต่จะมีบางประเทศที่จะติดหล่มอยู่ในระยะที่ 1 โดยไม่สามารถก้าวสู่ระยะที่ 2 ได้ ก็จะเป็น “ผู้แพ้ต่อเทคโนโลยี”  

การเปลี่ยนทัศนคติของคนรุ่นใหม่ต่อการประกอบอาชีพ ในระยะยาวจะทำให้แรงงานคุณภาพมีแนวโน้มออกจากภาคการผลิตในระบบไปสู่การสร้างธุรกิจใหม่ของตนมากกว่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือน ส่งผลให้บริษัทขนาดใหญ่ที่เคยเป็นผู้นำจะมีแรงงานที่คุณภาพน้อยลง แต่จะเกิดธุรกิจขนาดเล็กที่เติบโตสูงโดยใช้เทคโนโลยีจำนวนมาก รัฐบาลที่เก่งต้องสามารถเลือกและสนับสนุนหมวดธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับประเทศและสอดคล้องกับพลวัตรของโลกได้ รัฐบาลที่ขาดวิสัยทัศน์และไม่เท่าทันโลกก็จะมีปัญหาและประเทศจะกลายเป็นผู้ตาม

ในปัจจุบัน ตามรายงานของ World Economic Forum ประเทศไทยเป็นรองประเทศอื่นในภูมิภาคมาก เรื่อง การสร้างนวัตกรรมและบทบาทภาครัฐในการส่งเสริมภาคเอกชนในการพัฒนาประเทศ ผมมองว่ารัฐบาลในอนาคตต้องปรับเปลี่ยนบทบาทและทัศนคติจาก “ผู้ควบคุมดูแลกฎระเบียบ” เป็น “ผู้อำนวยให้เกิดความคล่องตัวสูงสุด” แก่ภาคเอกชน เปรียบเสมือนน้ำมันหล่อลื่นให้กับภาคเอกชนให้สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจนั่นเอง

สำหรับประเด็นกระแสความต้องการคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมทำงานกับพรรคการเมืองนั้น ผมได้ร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยมาระยะหนึ่งแล้ว ไม่เชื่อว่าศักยภาพของนักการเมืองรุ่นใหม่จะเป็นรองพรรคใด พรรคมีคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในวิชาชีพ มีความสามารถ และมีวิสัยทัศน์ที่เฉียบคม นอกจากนั้นโดยส่วนตัวผมมองว่าสภาวะภายในพรรคยังเอื้ออำนวยให้เกิดการผสมผสานกันระหว่างคนรุ่นใหม่กับผู้ใหญ่ในพรรคที่มีประสบการณ์ เกิดเป็นส่วนผสมที่ลงตัวที่ทำให้ “วิสัยทัศน์ที่ดี” สามารถนำไปสู่ “การปฏิบัติได้จริง”  และมั่นใจว่าในการเปิดรับสมัครสมาชิกพรรคตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะมีคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมงานกับพรรคเป็นจำนวนมาก

ดร. เผ่าภูมิ โรจนสกุล
ที่ปรึกษาเลขาธิการพรรคเพื่อไทย