ขัตติยา ชี้ราคาข้าวตกเหตุนโยบายจำนำถูกทำเป็นเรื่องต้องห้าม

ท่านนายกปู ฯพณฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีเวลาอีกไม่ถึงเดือนที่จะต้องยื่นคำให้การเพื่อแก้ข้อกล่าวหาของอัยการสูงสุด ที่กล่าวหาว่าท่านปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว

แน่นอนค่ะ การพัฒนาประเทศต้องมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับคนทุกกลุ่มทุกอาชีพ ที่ผ่านมาเป็นระยะเวลากว่าหลายชั่วอายุคน คนไทยส่วนใหญ่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้มากขึ้น แต่ชาวนายังจนอยู่ “ข้าวไทย” ที่คนไทยภูมิใจนั้นเป็นความมั่งคั่งของคนไม่กี่กลุ่มที่ใช้อำนาจต่อรองเพื่อกดราคาข้าวจากชาวนา จนชาวนาต้องอยู่กับหนี้สินและวงเวียนแห่งความยากจนไม่จบไม่สิ้น

เมื่อวิเคราะห์ปัญหาในอดีต โครงการจำนำข้าว “บางเมล็ด” หรือระบบโควต้านั้น กลับมอบโควต้าให้กับคนบางกลุ่มที่มีเส้นสาย ชาวนารายย่อยไม่ได้รับประโยชน์ใดๆเพราะไม่สามารถเข้าถึงการจัดสรรโควต้าจำนำได้ ในขณะที่โครงการประกันรายได้กลับสร้างแรงจูงใจให้เกิดการกดราคาข้าวให้ต่ำที่สุด เพราะรัฐบาลเป็นผู้จ่ายส่วนต่างรายได้ที่ประกันไว้ ผลสุดท้ายคนไม่กี่กลุ่มที่มีอำนาจต่อรองในตลาดสูงเกินไปก็มีรายได้มากขึ้น รัฐมีรายจ่ายมากขึ้น แต่ชาวนายากจนเหมือนเดิม

พรรคเพื่อไทยไม่ต้องการให้ชาวนาต้องอยู่กับความยากจนและนโยบายที่ไม่แก้ปัญหาอีกต่อไป จึงได้ทำการศึกษาและออกแบบนโยบายที่สามารถแก้ไขปัญหาในอดีตและตอบโจทย์ความต้องการของชาวนาได้ดีที่สุด ตัดสินใจนำโครงการรับจำนำข้าวที่ออกมาปรับปรุงใหม่ เป็นการจำนำข้าวทุกเมล็ดที่ไม่เพียงมุ่งแก้ปัญหาอำนาจต่อรองที่ชาวนาแทบไม่มีเท่านั้น แต่เป็นการยืนยันว่าชาวนา
“ทุกคน” โดยเฉพาะรายย่อยสามารถเข้าร่วมโครงการจำนำกับรัฐบาลได้ ไม่ต้องดิ้นรนหาเส้นสายอย่างระบบโควต้าในอดีตอีกต่อไป

นโยบายจำนำข้าวทุกเมล็ดถูกชูเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งปี 2554 และได้รับคะแนนเสียงข้างมากอย่างท่วมท้นจนจัดตั้งรัฐบาลได้ นโยบายนี้เป็นเสมือนสัญญาประชาคมที่ประชาชนให้ไว้ เพื่อไทยจึงต้องทำให้สำเร็จ ตลอดระยะเวลาโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลท่านนายกยิ่งลักษณ์ ชินวัตรที่ผ่านมานั้น พ่อค้าคนกลางหรือเจ้าของโรงสีเมื่ออยากได้ข้าว ก็ต้องสู้กับราคารับจำนำข้าว โดยต้องให้ราคาข้าวกับชาวนาสูงกว่าราคาจำนำที่รัฐบาลให้ การต่อสู้กับพ่อค้าคนกลางก็จะโอนจากชาวนามาเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ชาวนาเป็นผู้เลือก ชาวนามีอำนาจต่อรองมากขึ้นเพราะมีสิทธิเลือกว่าจะขายข้าวให้เจ้าของโรงสีหรือจะจำนำกับรัฐบาล ใครให้ราคาดีกว่าก็ไปหาคนนั้น เมื่อความต้องการซื้อข้าวต้องแข่งกันระหว่างเจ้าของโรงสีกับรัฐบาล ราคาข้าวก็จะสูงขึ้นไปโดยปริยาย เมื่อข้าวขายได้ราคาสูง หักต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ ชาวนาก็มีเงินเหลือเก็บ และเงินที่รัฐบาลอุดหนุนให้กับชาวนานั้น ก็ทำให้เกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจจากรากฐาน เกิดการเติบโตและความมั่งคั่งในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ

สำหรับรัฐบาลที่เอาคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นตัวตั้ง โครงการจำนำข้าวคือการลงทุนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและกระจายความมั่งคั่งและความเจริญไปยังต่างจังหวัดครั้งใหญ่ พี่น้องโดยเฉพาะพ่อค้าแม่ขายต่างจังหวัดคงทราบดีค่ะว่าเศรษฐกิจในปัจจุบันเป็นอย่างไร เมื่อราคาข้าวตกลงเพราะนโยบายเพื่อชาวนาถูกทำให้กลายเป็นเรื่องต้องห้าม รายได้ผู้คนของแต่ละจังหวัดหดหาย การลงทุนหดตัว คุณภาพชีวิตแน่นิ่งอยู่กับที่และเสี่ยงถดถอยสู่ความยากจนอีกครั้ง

แม้ราคาข้าวเปลือกลดลงกว่าครึ่งหนึ่งเมื่อไม่มีโครงการจำนำข้าวแล้ว ราคาข้าวสารกลับไม่ลดลงเลย สะท้อนถึงปัญหาอำนาจต่อรองระหว่างชาวนากับพ่อค้าคนกลางได้เป็นอย่างดี น่าเสียดายที่คนบางกลุ่มยอมกินข้าวราคาเท่าเดิมแต่ชาวนามีรายได้น้อยลง และจ้องแต่บิดเบือนให้โครงการอุดหนุนของรัฐกลายเป็นการเมืองเพื่อทำลายศัตรูทางการเมืองที่สามารถชนะใจประชาชนเหนือพวกเขาเหล่านั้นได้เสมอ ทุกวันนี้เดียร์ก็ไม่อาจทราบว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร แต่เราก็คงต้องจับตาดูกันต่อไปค่ะ

นายกปูไม่ได้สู้อย่างโดดเดียว แต่มีประชาชนอีกมากมายที่ติดตามเรื่องนี้กันอย่างใกล้ชิด

ที่มา : https://www.facebook.com/khattiyaofficial/photos/a.248553831977941.1073741828.245166605649997/473697182796937/?type=1&theater

Categories: Interview