พรรคเพื่อไทย วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่ยอมรับว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน

เปิดโอกาสให้มีการสืบทอดอำนาจ
มีรัฐบาลที่อ่อนแอ ให้อำนาจองค์กรอิสระ
และศาลรัฐธรรมนูญ ควบคุมรัฐบาลที่มาจากประชาชน รัฐธรรมนูญเช่นนี้
ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไม่สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน

——————————————————————————

  ตามที่พรรคเพื่อไทยได้เสนอความเห็นมาโดยตลอดว่า ประเทศไทยต้องมีรัฐธรรมนูญที่ดี
มีความเป็นประชาธิปไตยที่เป็นสากล
เคารพในสิทธิมนุษยชน ยึดมั่นในหลักนิติรัฐ นิติธรรม มีดุลยภาพและความรับผิดชอบขององค์กรที่ใช้อำนาจอธิปไตยอย่างเหมาะสม
ให้ความเคารพในอำนาจตัดสินใจของประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริง ส่งเสริมสิทธิเสรีภาพและการมีส่วนร่วมของประชาชน
เสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์และผลักดันการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม

  พรรคเพื่อไทยได้เคยเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ
ซึ่งสรุปสาระสำคัญโดยย่อดังต่อไปนี้

  1) ต้องยึดหลักการประชาธิปไตย ที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง
มิใช่เป็นของบุคคลใดหรือกลุ่มบุคคลใดเป็นการเฉพาะ

  2) วางกลไกการบริหารจัดการประเทศที่ทุกองค์กรที่ใช้อำนาจอธิปไตย สามารถปฏิบัติหน้าที่  เพื่อประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภายใต้หลักนิติธรรมและธรรมาภิบาลโดยมีระบบตรวจสอบ ที่เหมาะสมซึ่งประชาชนมีส่วนร่วม

3. ต้องให้อำนาจประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจในการเลือกตั้งผู้แทนโดยตรง
และผู้นำฝ่ายบริหารต้องมาจากตัวแทนที่ประชาชนเลือกเท่านั้น
การเปลี่ยนแปลงระบบเลือกตั้งที่สังคมไทยคุ้นเคยเข้าใจดี และไม่มีปัญหา มีแต่จะยิ่งสร้างความยุ่งยาก
มีปัญหา และไร้ประสิทธิภาพ

    4. รัฐธรรมนูญต้องอยู่บนพื้นฐานที่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมของสถานการณ์
ไม่ควรกำหนดให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญทำได้ยากจนเกินไป

  เมื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ
ฉบับกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งนายมีชัย ฤชุพันธ์ เป็นประธาน
และได้เผยแพร่ต่อประชาชนให้ได้รับทราบ เห็นว่า ร่างรัฐธรรมนูญที่ปรากฏไม่เป็นประชาธิปไตยตามหลักสากล
และไม่เป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ ที่ประชาชนตกผลึกแล้ว ประชาชนถูกรอนสิทธิ
อำนาจอธิปไตยของประชาชนถูกลิดรอนและถูกควบคุมกำกับโดยองค์กรที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
คนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเพียงไม่กี่คนเป็นผู้ตัดสินชะตาอนาคตของประเทศ
จะมีรัฐบาลที่อ่อนแอ ขาดเสถียรภาพ 
ไม่อาจพัฒนาประเทศได้อย่างต่อเนื่อง คิดนโยบายระยะยาวไม่ได้
ไม่อาจแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชนได้ โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้

  1.
สร้างระบบเลือกตั้ง ที่จะนำไปสู่การมีรัฐบาลผสมที่อ่อนแอ ตัดสิทธิของประชาชนที่มีโอกาสได้แยกเลือกผู้สมัครเขตออกจากการเลือกพรรคการเมือง
สร้างความสับสนให้แก่ประชาชน บังคับประชาชนให้ลงคะแนนเลือกเฉพาะผู้สมัครเขต
รัฐบาลอ่อนแอไม่อาจแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของประชาชน
เป็นอุปสรรคขัดขวางการพัฒนาประเทศ และไม่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ

  2.
ระบบเลือกตั้งใหม่จะนำไปสู่ความอ่อนแอของพรรคการเมือง นำไปสู่การต่อรองทางการเมือง
และจะนำไปสู่การสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหารโดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่มิใช่
ส.ส.เป็นนายกรัฐมนตรี ในที่สุดจะนำไปสู่การถดถอยของประชาธิปไตยและอำนาจของประชาชน

  3.
เพิ่มอำนาจ ให้ศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนฝ่ายการเมือง และฝ่ายต่างๆ
วินิจฉัยตีความรัฐธรรมนูญ ได้อย่างกว้างขวาง มีสิทธิขาดในการตีความรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยสร้างวิกฤตให้กับประเทศมาแล้วมากมายหลายครั้ง
เคยตัดสินคดีที่แสดงถึงการใช้กฎหมายอย่างฉ้อฉลหลายต่อหลายคดี ศาลรัฐธรรมนูญจะถูกใช้เป็นเครื่องมือทำลายตัวแทนของประชาชน

  4.
ให้องค์กรอิสระ (กกต. , ปปช. , สตง.) มีอำนาจเหนือรัฐบาลและรัฐสภาโดยการชี้ทิศทาง และความเป็นไปในการบริหารราชการแผ่นดิน
ทำให้รัฐบาลและรัฐสภาขาดความเป็นอิสระในการบริหารราชการแผ่นดินและในการตรากฎหมาย
องค์กรเหล่านี้จะทำหน้าที่ต่อต้านนโยบายของรัฐบาล ทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาของประเทศและประชาชนได้

  5.
การให้ ส.ว. ทั้งหมดมาจากการสรรหาของคนเพียงกลุ่มหนึ่งแสดงถึงการไม่เคารพในสิทธิของประชาชนที่จะเลือกผู้แทนของตนเองและความถดถอยของประชาธิปไตยไปมากกว่ารัฐธรรมนูญ
ปี 50 เสียอีก ทั้งนี้ ก็เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มอำนาจปัจจุบันได้สร้างระบบตัวแทนของตนเองเพื่อสืบทอดอำนาจต่อไป

  6.
กำหนดกลไกการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทำให้ไม่อาจแก้ไขได้เลย เพราะต้องใช้เสียงวุฒิสภาซึ่งมาจากการสรรหาอย่างน้อยหนึ่งในสามและเสียงจากทุกพรรคการเมืองไม่น้อยกว่าร้อยละ
10 จะทำให้เกิดปัญหาวิกฤตรัฐธรรมนูญขัดขวางการพัฒนาการเมืองและการพัฒนาประเทศอย่างสำคัญ

แม้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะมีมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตตามที่
กรธ. อ้างเสมอ แต่ก็ได้เห็นแล้วว่าผู้ร่างมีความจริงใจที่จะแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบเพียงใด
ดังจะเห็นได้ว่าไม่มีมาตรการและระบบตรวจสอบในรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) 2557
เลยแม้แต่น้อย เปิดโอกาสให้มีการรับผลประโยชน์ตอบแทนได้หลายทาง หลายตำแหน่งในเวลาเดียวกัน
นอกจากนั้น ก็มุ่งควบคุมแต่เฉพาะภาคการเมือง ละเว้นที่จะกำหนดมาตรการอื่นๆ ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตจากฝ่ายอื่นๆ
เช่น การกำหนดให้ฝ่ายอื่นๆ ซึ่งใช้อำนาจรัฐ ตลอดจนองค์กรอิสระทั้งหลาย
และข้าราชการระดับสูง เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินต่อสาธารณะ และเมื่อโครงสร้างของระบบการเมืองและการปกครองประเทศ
ซึ่งเป็นโครงสร้างระดับบนมีปัญหาและประชาชนไม่มีสิทธิมีเสียงในกระบวนการได้มาซึ่งองค์กรตรวจสอบต่างๆ
แล้ว ก็หนีไม่พ้นที่จะเกิดวิกฤตทางอำนาจตามมา
อันจะทำให้การแก้ปัญหาการทุจริตไม่อาจเกิดขึ้นได้จริงและโดยที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ร่างขึ้นในบรรยากาศแห่งการเสแสร้งรับฟังความคิดเห็นในระดับหนึ่งเพื่อให้ดูชอบธรรม
แต่ไม่สนใจข้อเสนอแนะที่ให้ยึดหลักสากลและเชื่อมั่นในวิจารณญาณของประชาชน จึงเป็นร่างรัฐธรรมนูญที่เลวร้ายกว่าร่างเดิม มีการสืบทอดอำนาจแบบแยบยลและเพิ่มอำนาจให้องค์กรต่างๆ
ขึ้นมากมายเพื่อครอบงำรัฐบาลที่ถูกออกแบบมาให้อ่อนแอ กำหนดให้ผู้ที่มาจากการเลือกตั้งต้องถูกตรวจสอบและรับผิดชอบทุกอย่าง
แต่คณะรัฐประหารและองค์กรสืบทอดอำนาจทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง โดยให้ถือว่าชอบด้วยกฎหมายและชอบด้วยรัฐธรรมนูญทั้งหมดและเป็นที่สุด
ห้ามฟ้องร้อง องค์กรที่มาจากการเลือกตั้งต้องดำรงตนอยู่ในหลักนิติธรรม แต่องค์กรที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งอยู่นอกหลักนิติธรรมได้

ที่กล่าวนี้ยังไม่รวมถึงเนื้อหาของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่จะกำหนดอำนาจหน้าที่ขององค์การต่างๆ
ตามรัฐธรรมนูญที่อาจจะหมกเม็ดอีกมาก

       ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำลายหลักการอันดีงามที่ประเทศเคยยึดถือ ถอยหลังลงคลองและยังทำให้ความคิดแบบเผด็จการอำนาจนิยมสามารถกดหัวประชาชนต่อไปยากที่ประเทศจะกลับคืนสู่สันติสุขได้
พรรคเพื่อไทยจึงไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญดังที่ปรากฏนี้
พรรคเพื่อไทยขอเรียนย้ำว่า
รัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตยจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพราะขาดความต่อเนื่องของนโยบาย ขาดความเชื่อมั่นของต่างชาติ
ผลจากการรัฐประหารที่ผ่านมาเป็นที่ปรากฏชัดแล้วว่า
สภาพเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบัน การบริโภคหยุดชะงัก การลงทุนหดหาย การลงทุนภาครัฐขาดประสิทธิภาพ
การส่งออกหดตัวมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ เศรษฐกิจฐานรากตกต่ำ
ประชาชนยากลำบากอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

  พรรคเพื่อไทยหวังว่า ผู้ร่างรัฐธรรมนูญและผู้มีอำนาจทั้งหลายจะได้ตระหนักถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นหากว่าร่างรัฐธรรมนูญเช่นนี้มีผลบังคับใช้
และควรหาทางแก้ไขเสียเพื่อให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ยังคงยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตยที่ทุกฝ่ายพอที่จะยอมรับได้
และไม่เป็นต้นตอแห่งวิกฤตการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

  รัฐบาลประชาธิปไตยที่เข้มแข็งเท่านั้นที่จะสามารถได้รับการสนับสนุนจากประชาชน
และได้รับการยอมรับจากนานาอารยประเทศ ซึ่งจะทำให้เกิดความ
เชื่อมั่น และเกิดประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศและชีวิตของพี่น้องประชาชนได้ 

พรรคเพื่อไทย
30 มกราคม
2559