บทสัมภาษณ์โพสต์ทูเดย์ 3 กันยายน 2560

 ตกที่นั่งลำบากอีกครั้งสำหรับ พรรคเพื่อไทย ที่เวลานี้กำลังสะบักสะบอมจากมรสุมรุมเร้ารอบด้าน โดยเฉพาะปมล่าสุด อดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนีไม่มารับฟังการตัดสินคดีกรณีปล่อยปละให้เกิดความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวที่นำมาสู่ความเสียหาย 5 แสนล้านบาท สร้างความปั่นป่วนภายในพรรคเพื่อไทยไม่น้อย จังหวะเดียวกับที่บรรดาแกนนำหลายๆ คน ยังต้องลุ้นกับคดีที่ใกล้จะตัดสิน ในวันที่กฎกติกาใหม่ที่ทยอยออกมา ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ว่ามีเป้าประสงค์เป็นไปเพื่อตีกรอบ ควบคุมกลุ่มอำนาจเก่า มากกว่าการหวังผลเพื่อการปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริง “ภูมิธรรม เวชยชัย” รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษโพสต์ทูเดย์ ถึงปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นและทิศทางการเดินหน้าของพรรคต่อจากไป ภูมิธรรม เริ่มต้นอธิบายว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเวลานี้เป็นสิ่งที่เกิดสืบเนื่องจากสถานการณ์การเมืองที่มีความเห็นแตกต่าง ทั้งวิธีคิด การมองปัญหา การจัดการปัญหา ซึ่งไม่ใช่เพิ่งเกิด เป็นสิ่งที่เราเข้าใจได้ หากเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิด เราก็คงจะอยู่ในสถานการณ์ที่หนัก แต่นี่เกิดมาต่อเนื่อง 10 ปี นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีผลกระทบต่อตัวพรรค ผู้นำพรรค บุคลากรของพรรคดูพัฒนาการเมืองจาก 2549 มีรัฐประหาร 2 ครั้ง ยุบพรรคการเมืองของเราตั้งแต่ไทยรักไทย พลังประชาชน ตัดสิทธิทางการเมือง ซึ่งเป็นผลพวงของการเห็นต่าง

“ถามว่าปั่นป่วนสร้างปัญหาให้เราถึงขั้นรุนแรงไหม ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ก็มีผลกระทบที่เราปฏิเสธไม่ได้ ผู้นำ บุคลากร ได้รับผลกระทบ จากความขัดแย้งแต่ไม่ใช่ครั้งแรก เคยเกิดขึ้นมาต่อเนื่องตลอด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือแรงสนับสนุน กำลังใจจากประชาชนที่เข้าใจเราให้กำลังใจเรา ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการเห็นประเทศ เป็นประชาธิปไตย เห็นการเติบโตของประเทศ กินดี อยู่ดี ซึ่งเป็นจุดยืนของเรา”

ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการทางการเมืองของประเทศ เป็นจุดที่ต่อเนื่องกรณีความขัดแย้งและความเห็นต่างในการหาทางออก และแก้ไขปัญหาภายในประเทศ ซึ่งจะค่อยๆ คลี่คลายส่วนจะใช้เวลาสั้นหรือยาวไม่อาจพูดได้ โดยสิ่งที่เราคิดเราทำได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเป็นเรื่องหวังดีต่อประเทศชาติ บนความโอบอุ้มของประชาชนที่มีต่อเรา

ภูมิธรรม ประเมินว่า สถานการณ์เวลานี้ไม่รู้ว่าถึงจุดที่หนักสุดหรือยัง เพราะไม่ทราบว่าข้างหน้าจะต้องเผชิญกับอะไร แต่ที่ผ่านมาถือว่าหนัก ทั้งยุบพรรคในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา หลายคนถูกจำคุก ซึ่งพยายามปรับตัวตลอดเวลา อย่างน้อยทุกครั้งเกิดเหตุการณ์มักมาตรวจสอบตัวเราเอง มีจุดอ่อนข้อบกพร่องคนไม่เข้าใจเรา หรือความผิดพลาดจากการกระทำเอง

อย่างไรก็ตาม 10 กว่าปีที่ผ่านมา มีพัฒนาการความขัดแย้งคลี่คลายมาโดยตลอดปัญหาต่างๆ มีความเด่นชัด สิ่งที่เกิดขึ้นเท่ากับเป็นกระบวนการเรียนรู้การเมืองของพี่น้องประชาชนด้วย ประเทศเรา มีพัฒนาการ อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนต้องถูกกลั่นกรองและไม่ยอมรับ จนหมดสิ้นไปเรื่อยๆ สิ่งไหนที่่เป็นประโยชน์กับประชาชน ก็จะได้รับการยอมรับสนับสนุนส่งเสริมมากขึ้น ตรงนี้เวลาจะเป็นคำตอบ

“กฎกติกาหลายอย่างสะท้อนให้เห็นความเห็นที่แตกต่างของการมองทางออกของสังคมไทยที่แตกต่างกัน เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ถ้าทำให้แก้ปัญหาประชาชนได้ราบรื่นมีประสิทธิภาพ กติกาก็ใช้ได้ ประชาชนยอมรับ ถ้าทำให้การทำงานมีอุปสรรคไม่สะท้อนความต้องการประชาชนได้ก็ต้องแก้กฎกติกา ถามฝ่ายที่สนับสนุนเขาก็อาจบอกว่านี่คือ ทางออกที่ดีที่สุดที่จะพัฒนาประเทศไปข้างหน้า ถ้าฝ่ายที่คัดค้านก็จะบอกว่าไม่เป็นประชาธิปไตยไม่สามารถเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาของประชาชนได้ ไม่ใช่ทางออก สร้างอุปสรรคมากกว่า”

ส่วนระบบเลือกตั้งใหม่จะทำให้พรรคเพื่อไทยเสียเปรียบหรือไม่นั้น รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า บรรดาพรรคการเมืองส่วนรวมต้องเผชิญกับข้อจำกัด ซึ่งรายละเอียดยังต้องรอดูกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งเท่าที่เห็น
เวลานี้ก็เห็นต่างหลายเรื่องทั้งยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่จะต้องเดินไปแล้วจะสอดคล้องกับสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วหรือไม่ เรื่องนี้ก็เห็นเป็นสองฝั่ง ถามทางเพื่อไทยที่มีจุดยืนอยู่กับประชาชนก็เห็นว่าเราทำงานยากลำบาก

ถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบต่อขวัญกำลังใจภายในพรรคเพื่อไทยแค่ไหน ภูมิธรรม กล่าวว่า เหตุการณ์ทางการเมือง ทำให้สมาชิกพรรคเราเข้าใจกันมากขึ้น เสมือนเราอยู่ในชะตากรรมที่ถูกกระทำมาพร้อมๆ ประชาชนเห็นอกเห็นใจ ร้อยรัดให้กลมเกลียว ส่วนปัญหาความเห็นแตกต่างภายในพรรค เรื่องวิธีการทำงานก็เป็นปกติ อันนี้ทำให้เราสามารถขบคิดถกเถียงได้มากขึ้น วันนี้เรามีพัฒนาการเติบโตมามากเพียงพอ สิ่งที่เรายึดถือขณะนี้ ได้ยึดรวมหลักคิดวิธีทำงาน ร้อยรัดมาเป็นเนื้อหนึ่งเดียวกัน

ตามจุดยืน 3 ข้อ ที่ได้ประกาศในแถลงการณ์คือ จะเดินหน้าต่อ ยืนยันเคารพสิทธิเสรีภาพประชาชน สร้างประชาธิปไตย สอง ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี สามยืนยันสู้ในกติการะบอบประชาธิปไตย สันติวิธี แสวงหาความสมานฉันท์ปรองดองเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว
ถามว่าการหลบหนีของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ กระทบกับพรรคเพื่อไทยมากน้อยแค่ไหน ภูมิธรรม กล่าวว่า เพื่อไทยวันนี้ร้อยรัดด้วยจุดยืนอุดมการณ์ของพรรคเพื่อไทย บุคลากรของพรรค ล้มหายตายจากไป คนมีคุณค่ากับพรรคสูญสิ้นไป ล้วนแต่เป็นผลกระทบ แต่ก็ไม่ถึงขั้นทำให้พรรคเสียหาย พรรคไม่ได้ยืนอยู่ได้ด้วยเพราะมีนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ท่านเดียว แต่อยู่ได้ด้วยการร้อยรัดแกนนำสมาชิกโอบอุ้มที่จะยังเดินหน้าต่อไปได้

ส่วนแรงกดดันที่เกิดขึ้นจะส่งผลทำให้สมาชิกพรรคบางส่วนถอดใจย้ายพรรค หรือไปตั้งพรรคใหม่หรือไม่นั้น ภูมิธรรม กล่าวว่า ในทางการเมืองพรรคที่ถูกกระทำจะปฏิเสธไม่มีปัญหาด้านนี้เลยคงไม่ได้ แต่ว่าผลมีทั้งบวกและลบ ด้านหนึ่ง ทำให้ประชาชนเขาอยากเห็นเราทำหน้าที่เป็นความหวังของเขาอยู่ เสริมความเข้มแข็งนักการเมืองหัวใจ สำคัญอยู่ที่ประชาชน ถ้าใจประชาชนในพื้นที่ยังคาดหวังกับพรรคเรา มั่นใจในพรรคสมาชิกพรรคการเมืองของเรา
ก็ไม่น่าหนีหายไปไหน

“จากการโอบอุ้มของประชาชน ตรงนี้ไม่น่ากระทบในพื้นที่มากนัก เพราะประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนให้กำลังใจ แต่ประเด็นที่สำคัญคือจะฝ่ากติกาที่เป็นเครื่องจักรสังหารอย่างไร เป็นหน้าที่ที่คนของพรรคเพื่อไทยจะต้องช่วยกันคิดหาทางออก ด้วยเจตนารมณ์ มุ่งมั่นแก้ปัญหาประเทศ ประชาชน ด้วยความจริงใจ ตั้งใจจริง ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราผ่านพ้นอุปสรรคไปได้”

เรื่องแกนนำที่จะมารับหน้าที่คุมเพื่อไทยลงสนามเลือกตั้งครั้งต่อไปนั้น ภูมิธรรม กล่าวว่า สถานการณ์อย่างนี้ต้องมาช่วยกันทำงาน แต่ใต้ข้อจำกัดไม่สามารถมีกิจกรรมทางการเมืองได้ เมื่อวันที่เปิดให้ทำกิจกรรมได้ก็ต้องดำเนินการเลือก กรรมการบริหารพรรค หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคที่จะต้องมาดูความเหมาะสมพิจารณาร่วมกันภายในพรรคว่าใครจะเชื่อมประสานสมาชิกพรรคทั้งหมดได้ และสามารถนำอุดมการณ์จุดยืนของพรรคเพื่อไทยไปสู่พี่น้องประชาชนได้มากที่สุด เวลานั้นก็จะมีคำตอบ

สำหรับแต่ละรายชื่อที่ปรากฏออกมานั้นก็มีหลายคน ทั้งคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หรือคนอื่นๆ ก็มีคุณสมบัติ มีความตั้งใจกันทุกคน แต่ตอนนี้ไม่ได้มีใครที่เด่นชัด ทุกคนช่วยกันทำงาน ส่วนคุณมณฑาทิพย์ ชินวัตร พี่สาวอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ นั้น ตัดทิ้งได้เลยเพราะไม่เคยแสดงความประสงค์ หรือเข้ามายุ่งเกี่ยว ส่วนคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ที่มีข่าวก็คงต้องไปถามท่าน ซึ่งวันนี้เรื่องตัวบุคคลยังไม่ได้มีการพูดคุยกันยังมีเวลาอีกเยอะ

ถามว่าประเมินคู่แข่งในสนามเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างไร ภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ได้สนใจเรื่องคู่แข่ง เราดูเรื่องความพร้อมภายในพรรคเพื่อไทย ที่ต้องการเป็นสถาบันทางการเมือง แก้ปัญหาประชาชน ภายใต้กฎกติกาจะเดินไปอย่างไร สิ่งเหล่านี้สำคัญกว่าเรื่องคู่แข่ง ทุกพรรคไม่ได้คิดเรื่องคู่แข่ง แต่คิดว่าจะอยู่รอดอย่างไรในกติกานี้ให้ได้มากกว่า พอถึงเวลาทุกคนก็สู้ในกติกา เราก็แข่งกับตัวเอง ไม่ได้คิดไปถึงจะมีพรรคทหาร พรรค คสช.หรือไม่ ไม่คาดเดา อาสาทำงานพิสูจน์ตัวเอง ไม่ได้คิดเรื่องมิตร ศัตรู จมปลักอยู่กับการทำลายล้าง แย่งชิงอำนาจ

ในช่วงที่แกนนำหลายคนพัวพันกับคดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตจะฉุดภาพลักษณ์ของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ทุกคนเข้าใจว่าเป็นเรื่องการเมือง ต่อสู้ในกระบวนการช่วงชิงอำนาจทางการเมือง ประชาชนเข้าใจว่าพรรคได้พิสูจน์แล้วว่าผลงานในการทำงานยึดโยง เอาประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง

มาถึงเรื่องคดีจำนำข้าวที่เป็นนโยบายสำคัญของพรรคนั้น จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการพิพากษา ว่าโครงการรับจำนำข้าวเป็นปัญหาอุปสรรคเลวร้าย แต่เป็นนโยบายคิดช่วยเหลือประชาชน ส่วนมีการบกพร่องที่วิธีการทำงานบ้างหรือไม่ ก็เป็นเรื่องเฉพาะราย ต้องไปดูรายละเอียด เกือบทุกนโยบายล้วนแต่มีปัญหาทั้งสิ้น ไม่ว่าจะนโยบายเพื่อไทย รัฐบาลทหารปัจจุบัน รัฐบาลประชาธิปัตย์ หรือพรรคการเมืองต่างๆ ล้วนมีข้อดี ข้อเสีย ทั้งสิ้น

“หัวใจสำคัญนโยบายจำนำข้าวเพื่อไทย ได้ใช้การซับซิไดซ์ดูแลกระดูกสันหลังของชาติ ตัวนโยบายไม่ผิดอะไรเลย สะท้อนจุดยืนคิดถึงประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่ประสบปัญหา ตัวนโยบายมันดี ไม่มีปัญหา ส่วนข้อบกพร่อง เกิดขึ้นจากมูลเหตุมากมายก็ดูตามความเป็นจริง ไม่ใช่มีปัญหา จุดใดจุดหนึ่ง จุดเล็กจุดน้อยแล้วมาบอกว่าเป็นปัญหาของทั้งระบบ”

ถามว่าเลือกตั้งครั้งหน้าเพื่อไทยจะยังชูนโยบายจำนำข้าวเหมือนเดิม ภูมิธรรม กล่าวว่า อย่าพึ่งพูดไปไกลเพราะเลือกตั้งครั้งหน้ามีข้อบังคับที่กำหนดอะไรทำได้ ไม่ได้ อะไรพูดได้ ไม่ได้ ส่วนจะแก้ปัญหาประชาชนอยู่ที่การจัดลำดับความสำคัญ เรื่องเร่งด่วน ซึ่งเรายังจะยืนยันนโยบายแก้ไขปัญหาของประชาชน และดูแลประชาชนทุกกลุ่มให้ได้ประโยชน์จากการบริหารงาน

“ต้องถามปัญหาอยู่ตรงไหน จะมาบอกว่าวันนี้เราจะทำอันนี้ อันนั้น พูดแบบนี้ตลอดไป ไม่ใช่พรรคการเมือง ไม่ใช่ความเป็นจริงพรรค การเมืองต้องอยู่กับความเป็นจริง ปัญหาที่เป็นจริง แต่เรายืนยันเจตจำนงยึดถือเรื่องนโยบายแก้ปัญหา อะไรที่เป็นเรื่องที่เป็นปัญหาของประชาชนที่ต้องการแก้ปัญหา โดยมาดูกรอบกติกาเสนอได้แค่ไหน ก็ต้องทำตามกติกาที่ถูกกำหนดไว้”

ภูมิธรรม ระบุว่า เวลานี้ขวัญและกำลังใจของสมาชิกแกนนำพรรคเพื่อไทยแต่ละคนยังดีอยู่ เมื่อมีแถลงการณ์ออกมายืนยันเดินหน้าทำงานต่อทุกคนก็สบายใจ เรียกร้องให้สมาชิกมาช่วยกันทำงาน ร่วมไม้ร่วมมือสะท้อนจุดยืนของพรรค ส่วนหลังเลือกตั้งจะกลับมาเป็นพรรคอันดับหนึ่งเหมือนที่เคยเป็นมาหรือไม่คงไม่มีใครตอบได้นอกจากประชาชน

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาจนถึงวันนี้ สะท้อนพัฒนาการเมืองและประชาธิปไตย สิ่งที่สำคัญ พัฒนาการเกิดขึ้นเสริมสร้างให้เกิดการเรียนรู้ของประชาชน หน้าที่ของพรรคการเมืองคือพิสูจน์ความตั้งใจการทำงาน ชี้ให้เห็นว่าเป็นทางออกเสนอทางแก้ปัญหาให้ประชาชนดีที่สุด เพื่อไทยตระหนักเจตนารมณ์เหล่านี้ โลกเปลี่ยนแปลงไป กฎกติกาสังคมไทยเปลี่ยน กฎหมาย รัฐธรรมนูญเปลี่ยน เราจำเป็นต้องเรียนรู้สภาวะรอบๆ ปัจจัยต่างๆ โดยยึดมั่นจุดยืนอุดมการณ์ กฎกติกา เดินหน้ายืนยันในเจตนารมณ์ ทำให้ประชาชนมีประสิทธิภาพต่อไป” ภูมิธรรม กล่าว

ที่มา : http://www.posttoday.com/analysis/interview/512664

Categories: Interview