ออมอย่างไรเพื่อการศึกษาของลูก
หลายคนกำลังเริ่มมีครอบครัว บางครอบครัวกำลังวางแผนจะมีลูกและอีกหลายครอบครัวก็มีลูกกันแล้ว ลูกคือทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของทุกครอบครัว สิ่งมีค่าที่พ่อแม่จะมอบให้ลูกได้ดีที่สุดคือการศึกษา แต่ทว่าไม่ใช่ทุกคนหรือทุกครอบครัวที่จะมีรายได้ที่มั่นคงตลอดเวลา หรือร่ำรวยที่จะจ่ายเงินเพื่อการศึกษาได้เต็มที่ ดังนั้นการวางแผนการออมเพื่อการศึกษาให้กับลูกจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ในการเก็บออมเพื่อลูกนั้น สิ่งหนึ่งที่สำคัญในการวางแผนคือ เรื่องค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะค่าเล่าเรียน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ช่วยสนับสนุนการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ การคำนวณค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นนั้น อาจต้องเริ่มนับค่าใช้จ่ายตั้งแต่เกิดเพราะการออมสามารถเริ่มตั้งแต่วางแผนแต่งงานและการเตรียมพร้อมที่จะมีบุตรได้เลย โดยในแต่ละช่วงวัยของลูกจะมีการใช้จ่ายที่แตกต่างกัน นั่นหมายถึงเราสามารถคาดคะเนค่าใช้จ่ายของลูกได้ว่า แต่ละช่วงอายุจะต้องใช้เงินประมาณเท่าไหร่ เราอาจจะกำหนดไว้ที่ลูกจบปริญญาตรี เราสามารถแบ่งการเก็บเงินออกเป็น 4 ช่วง คือ
1. ช่วงแรกเกิด-ก่อนเข้าเรียน (อายุประมาณ6-7 ปี)
2. ช่วงประถมศึกษา (6-12 ปี)
3. ช่วงมัธยม (13-17 ปี )
4. ช่วงเรียนปริญญาตรี (18-21 ปี )
เมื่อกำหนดแล้วก็จำเป็นต้องคาดคะเนค่าใช้จ่ายในแต่ละช่วง อาจจะเทียบกับค่าใช้จ่ายในวัยที่เราเคยศึกษาอยู่พร้อมกับทบด้วยอัตราเงินเฟ้อย้อนหลังเข้าไป เพื่อคาดว่าจะออมเงินเท่าไหร่และจะออมอย่างไร การออมนั้นควรวางแผนการออมไว้ 3 ระยะ คือ
การออมระยะสั้น คือ การออมเพื่อการใช้จ่ายที่จำเป็น เช่น ค่านม ค่ายา ค่าเทอม ควรเป็นการออมเพื่อง่ายต่อการออกมาใช้สอยได้สะดวก ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นรูปออมทรัพย์ หรืออาจะอยู่ในรูปของสลากออมสิน
การออมระยะกลาง เป็นการออมเพื่อการศึกษาในช่วงลูกกำลังอยู่ในช่วงวัยเรียน เราสามารถเลือกการออมได้หลายประเภทเช่น การออมผ่านกองทุน LTF ซึ่งเป็นการออมระยะกลาง 5 ปี ไม่สั้นและไม่ยาวเกินไป มีผลตอบแทนที่ดีกว่าการออมในบัญชีออมทรัพย์ หรือกองทุนรวมประเภทต่างๆ ที่ให้ผลตอบแทนที่เติบโตได้ดี การซื้อกองทุนตราสารหนี้ ช่วยลดความเสี่ยงและให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝาก และยังสามารถไถ่ถอนออกมาในกรณีฉุกเฉินต้องใช้เงินได้ด้วย
การออมระยาว เป็นการออมเพื่อประกันความเสี่ยงให้กับตนเองและลูกถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น การเก็บเงินลักษณะนี้ต้องมีระเบียบวินัยมาก เพราะต้องเก็บเงินไว้ในที่ที่ถอนลำบาก หรืออาจจะถอนไม่ได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้ การออมระยะยาวนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของการออมโดยใช้ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
ประโยชน์ของการออมแบบใช้ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ มีด้วยกัน 3 ประการคือ
1. ใช้ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี
2. มีเงินเพื่อใช้สำหรับการศึกษาของลูก ในกรณีจ่ายครบ
3. ได้รับส่วนคุ้มครองชีวิต ในกรณีเกิดเหตุเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ยังมีเงินส่วนนี้ช่วยสนับสนุนให้ลูกได้มีค่าเล่าเรียนจนจบการศึกษา
ตัวอย่างการออมเพื่อการศึกษา
เราอาจจะตั้งเป้าหมายไว้ที่ลูกเข้าเรียนมัธยมปลาย เนื่องจากเป็นช่วงที่ค่าเรียนสูงและค่าใช้จ่ายอื่นมาก อาจจะมองไว้ที่ 15 ปี แล้วได้รับเงินคืนเต็มจำนวนที่เราออมไว้ เช่นออม 15 ปีจะได้เงินครบสัญญา 100 % จากการออมไว้
โดยอาจจะเริ่มเก็บตั้งแต่ตั้งครรภ์เลยก็ได้ หรือลูกมีอายุ 1 ขวบ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายการศึกษาในช่วงมัธยมปลายและอาจจะต่อเนื่องถึงมหาวิทยาลัย เนื่องจากเป็นช่วงที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงมากในเรื่องค่าเล่าเรียน โดยการออมแบบสะสมทรัพย์นั้น มีรูปแบบการจ่ายปันผลที่แตกต่างกัน บางแห่งอาจจะจ่ายทุกปี หรืออาจจะไม่ได้จ่ายทุกปี จำเป็นต้องศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อประกัน
สิ่งสำคัญที่สุดของการออมและการวางแผนการเงินระยะยาวคือ เรื่องวินัยการออมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะเมื่อมีวินัยในการออมแล้วจะสร้างผลตอบแทนได้อย่างเหลือเชื่อและยังมีเงินเก็บเป็นก้อนสำหรับใช้ในเรื่องการศึกษาของลูกได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจ
อ้างอิงจาก
http://www.aommoney.com
http://www.momypedia.com
http://www.tsi-thailand.org