ทำไมถึงต้องมี 4G?

          ในเร็วๆนี้จะมีการเปิดประมูล 4G เกิดขึ้น หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าทำไมเราถึงต้องใช้ 4G ในเมื่อ 3G ก็ทำให้เราเล่นอินเทอร์เน็ตนอกบ้านได้ ในความเข้าใจของหลายคนอาจจะคิดว่า 3G ไม่ได้แตกต่างไปจาก 4G มากนัก เพียงแค่มีความเร็วเพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง ดังนั้นในบทความนี้จะกล่าวถึงที่มาที่ไปและพัฒนาการของ 4G อย่างคร่าวๆ เพื่อให้เราเข้าใจ และเห็นความสำคัญของ 4G 

         ตั้งแต่เริ่มนำโทรศัพท์เข้ามาใช้ในสมัยแรก เรายังไม่มีการกำหนดว่านั่นคือยุค 1G แต่อย่างไร  แต่ต่อมาเมื่อวงการเทคโนโลยีการสื่อสารพัฒนามาถึง 3G ก็ได้เริ่มมีการกำหนดคำว่า G ซึ่งหมายถึง Generation โดยในยุคแรกๆโทรศัพท์มือถือที่มีขนาดใหญ่สามารถทำได้แค่เพียงโทรเข้า-ออกเท่านั้น ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีการสื่อสารแบบ Analog

         ต่อมาเมื่อถึงยุค 2G เริ่มมีการพัฒนารูปแบบการส่งคลื่นเสียงแบบ Analog มาเป็น Digital เราจะเห็นได้ว่าในยุค 2G นี้ผู้คนหันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่กันมากขึ้น เนื่องจากเกิดการพัฒนาโทรศัพท์อย่างกว้างขวาง แต่สามารถทำได้แค่การโทรเข้า-รับสายและส่ง SMS เท่านั้น โดยในยุค 2G สามารถแบ่งออกได้อีกเป็น 2 ช่วงคือ 2.5 G และ 2.75 G 

         ในยุค 2.5 G ถือกำเนิดเทคโนโลยีที่เรียกว่า GPRS (General Packet Radio Service) ซึ่งพัฒนาในเรื่องของการรับส่งข้อมูลได้มากขึ้น สิ่งที่โทรศัพท์ยุคนี้สามารถทำได้มากขึ้นคือการส่ง MMS (Multimedia Messaging Service) หน้าจอโทรศัพท์เข้าสู่ยุคหน้าจอสีและเสียงเรียกเข้าก็ถูกพัฒนาจาก Monotone เป็น Polyphonic ซึ่งถูกพัฒนาเป็น MP3 ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้และสามารถเล่นอินเทอร์เน็ตบนมือถือได้ด้วยความเร็ว 115 kbps

         ส่วนในยุค 2.75 G เป็นยุคของ EDGE (Enhanced Data Rates for Global Evolution) ซึ่งถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก GPRS จากยุค 2.5 G สิ่งที่โทรศัพท์ในยุคนี้สามารถทำได้เพิ่มขึ้นคือการรองรับเสียงเรียกเข้าไฟล์ MP3 และเล่นอินเทอร์เน็ตได้ด้วยความเร็ว 70 -180 kbps และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของยุค 3G ในเวลาต่อมา

         เมื่อถึงยุค 3G ซึ่งเป็นยุคที่ Smart Phone เริ่มผลิตออกมาเพื่อรองรับเทคโนโลยีดังกล่าว ทำให้ 3G และ Smart Phone เป็นสิ่งที่ต้องมาควบคู่กัน และกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตประจำวันของผู้คนโดยไม่รู้ตัว เราเสพติดเทคโนโลยี 3G เพราะสามารถทำให้ชีวิตของเรามีความสะดวกสบายมากขึ้น เช่น สามารถติดต่อกับเพื่อนได้ตลอดเวลาผ่านการแช็ทออนไลน์ ดูทีวีออนไลน์และพูดคุยผ่าน Video Call ฯลฯ ด้วยความเร็วแบบ 3G แม้ว่าจะไม่ได้รวดเร็วเท่า High Speed Internet แบบ Broadband แต่ก็ทำให้เราสามารถเล่นอินเทอร์เน็ตนอกสถานที่ได้ เพราะสัญญาณ 3G นั้นสามารถไปได้เกือบทุกที่ แม้แต่บ้านที่อินเทอร์เน็ตเข้าไม่ถึงก็ตาม

         การเข้ามาสู่ยุค 4G นี้ได้รับการพัฒนามาจากประเทศนอร์เวย์และสวีเดน ก่อนจะนำมาใช้จริงที่สหรัฐอเมริกา เป็นการพัฒนาต่อยอดมาจากระบบไร้สายทั้ง 1G, 2G และ 3G ให้เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพขึ้น อย่างเช่นการพัฒนาในเรื่องความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่ทำได้เร็วขึ้นถึง 100 Mbps ด้วยความเร็วขนาดนี้ ทำให้สามารถใช้งาน Smart Phone หรือ Tablet ได้หลากหลายยิ่งขึ้น เช่น การดูไฟล์วิดีโอออนไลน์แบบ HD และไม่กระตุก สามารถคุย Video Call จากต่างประเทศได้อย่างชัดเจน หรือการประชุมทางไกลผ่านโทรศัพท์ก็เป็นเรื่องง่ายขึ้น ทั้งยังมีค่าใช้จ่ายน้อยลงอีกด้วย

         เราอาจจะเข้าใจความเป็นมา และคุณสมบัติคร่าวๆ ของ 4G แล้ว แต่ 4G ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีที่จะทำให้เราสามารถเล่นอินเทอร์เน็ตนอกบ้านได้เร็วขึ้นเท่านั้น ยังมีข้อดีของ 4G ในมิติอื่นๆ อีก เช่น

1. ให้คนในพื้นที่ห่างไกล เช่น เกษตรกร หรืออาชีพอื่นๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลบนโลกออนไลน์ได้

2. เนื่องจาก 4G ทำให้การ Video Call ชัดเจนมากขึ้น กอปรกับสามารถดูไฟล์วีดีโอแบบ HD และนำมาต่อยอดได้ เช่น การให้โอกาสทางการศึกษาแก่นักเรียนในพื้นที่ที่อินเทอร์เน็ตเข้าไม่ถึง หรือแม้กระทั่งโอกาสทางการแพทย์ เช่น การทำการผ่าตัดผ่านการให้คำแนะนำด้วย Video Call เป็นต้น

3. มีการพัฒนาอุตสาหกรรมด้าน IT เพิ่มขึ้น เช่น โทรศัพท์มือถือ, Multimedia, Software ทำให้เกิดการจ้างงานมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ GDP ของประเทศอีกด้วย

4. ทำให้การทำ E-Commerce แพร่หลายมากกว่าเดิมในปัจจุบัน เปรียบได้กับตลาดขนาดใหญ่อีกแห่งที่ลอยอยู่ในอากาศ เป็นต้น

          4G ณ วันนี้นั้นเปรียบเสมือนกับสาธารณูปโภคอีกชนิดหนึ่งที่อยู่บนอากาศ เป็นอีกโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ อาจเปรียบ 4G กับถนนได้ว่า 4G คือถนน High Way ที่มีพื้นถนนที่เรียบและแข็งแรง กอปรกับมีขนาดเลนที่กว้าง ทำให้การสัญจรไปมา การทำการค้าขาย ตลอดจนการขนส่งสินค้า (ข้อมูล) เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น การมีเทคโนโลยีดังกล่าวไม่ได้ช่วยทำให้เราสามารถเข้าถึงเว็บไซต์และข้อมูลต่างๆ ได้รวดเร็วขึ้นเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีในหลายๆมิติตามที่ได้กล่าวไปในข้างต้น

         วันนี้หากเรามี 4G เร็วมากเท่าใด ประเทศก็จะยิ่งมีความเจริญก้าวหน้ามากขึ้นเท่านั้น ไม่เพียงแค่คนในเมืองจะเข้าถึงข่าวสารได้เร็วขึ้น แต่คนที่อยู่ตามพื้นที่ห่างไกลก็จะสามารถเข้าถึงข่าวสารที่มาจากโลกออนไลน์ได้อีกด้วย เป็นการเปิดโอกาส เปิดโลกทัศน์ให้กับทุกคนในประเทศ 

         ท้ายสุดนี้ก็ไม่รู้ว่า กสทช. จะให้ค่ายโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ได้สัมปทาน 4G ทุกราย หรือจะได้เพียงแค่บางรายเท่านั้น อย่างไรก็ตามการตัดสินใจของกสทช. ในครั้งนี้จะมีผลกระทบต่อประชาชนอย่างแน่นอน

อ้างอิง 
www.checkraka.com/mobilephone/knowledge/1627099
www.mobiledevices.about.com/od/carrierfaq/a/4g-Mobile-Networks-The-Pros-And-The-Cons.htm
www.bangkokbiznews.com/news/detail/657401
www.itpro.co.uk/mobile/22739/4g-everything-you-need-to-know/page/0/5