เช็คกำลังซื้อคนไทยก่อนตรุษจีน

เทศกาลตรุษจีนนับเป็นเทศกาลแห่งความสุขของพี่น้องคนไทยเชื้อสายจีนทั่วประเทศที่ทุกคนจะกลับบ้านเพื่ออยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา กราบไหว้บรรพบุรุษ ถือว่าเป็นเทศกาลที่มีการจับจ่ายใช้สอยสินค้าต่างๆเป็นจำนวนมาก โดยในแต่ละปีมีเงินสะพัดในการใช้จ่ายช่วงวันจ่ายก่อนเข้าเทศกาลตรุษจีนหลายหมื่นล้านบาทเลยทีเดียว ในปีนี้อาจต้องลุ้นกันมากขึ้นว่าเงินจะสะพัดมากน้อยขนาดไหนเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ

โดยปีที่แล้วช่วงเทศกาลตรุษจีนมีเงินจับจ่ายสะพัดกว่า 5 หมื่นล้านบาท แต่ก็ยังนับว่าอัตราการใช้เงินโตน้อยว่าปีก่อนๆ โดยคนที่มาจับจ่ายให้เหตุผลของการใช้เงินต่ำกว่าปีก่อน เพราะต้องระมัดระวังในการใช้สอยเนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณชะลอตัวมากขึ้น มาในปีนี้มีการคาดการณ์กันบ้างแล้วว่าในช่วงเทศกาลตรุษจีนจะมีการใช้จ่ายเงินสะพัดขนาดไหน

เริ่มต้นด้วย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการคาดการณ์ถึงการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลตรุษจีนว่าจะมีการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น จึงได้เพิ่มปริมาณธนบัตรชนิดต่างๆเพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ได้สำรองไว้ถึง 7.5 หมื่นล้าน สำหรับการเบิกจ่ายของประชาชนเพื่อนำไปจับจ่ายใช้สอยในช่วงวันก่อนเทศกาลตรุษจีนและช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยปริมาณเงินดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4%

ขณะที่ธุรกิจค้าปลีกได้มีการประเมินว่าเทศกาลตรุษจีนในปีนี้น่าจะมีเงินสะพัดประมาณ 50,000 ล้านบาท จะเป็นเงินสะพัดในระดับนี้ทุกปี โดยห้างสรรพสินค้า ธุรกิจค้าปลีกต่างๆ ล้วนอัดแคมเปญทางการตลาดผ่านกิจกรรมการตลาดแบบต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดขายในเทศกาลตรุษจีนปีนี้

ในส่วนของธุรกิจท่องเที่ยว  ทางด้านการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้คาดการณ์ว่าจะมีเงินสะพัดด้านการท่องเที่ยวประมาณ 2.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเติบโต 32% จากปี 58 โดยมีนักท่องเที่ยวหลักคือ ชาวจีน  ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และมาเลเซียโดยเฉพาะชาวจีนจะเดินทางเข้ามาในไทยช่วงเทศกาลตรุษจีนระหว่างวันที่  6-14 ก.พ. จำนวน 3 แสนคน

จากคาดการณ์ของหลายฝ่ายจะพบว่าเทศกาลตรุษจีนปีนี้มีอัตราการเติบโตจากปีก่อนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนไม่มากนัก ในช่วงเทศกาลตรุษจีนอาจเป็นดัชนีชี้วัดแบบชาวบ้านก่อนตัวเลขทางเศรษฐกิจจริงจะออกมาว่าในช่วงไตรมาส 1 ในปีนี้จะเป็นเช่นไร

ซึ่งผลของการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นจะได้ผลมากน้อยเพียงใดนั้นในช่วงเทศกาลตรุษจีนจะต้องจับตาดูว่ากำลังซื้อของประชาชนกลับฟื้นคืนมาแล้วหรือยังผ่านการจับจ่ายใช้สอยของไหว้ของคนไทยเชื้อสายจีนหลายล้านคน หรือยังมีความระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยอยู่ แม้ว่าราคาน้ำมันจะลดลงไปบ้างแล้วก็ตาม แต่ทว่าราคาสินค้าอาหารตลอดจนสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆกลับไม่พบการปรับลดราคาลงแต่อย่างใด ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องลงมาตรวจดูราคาสินค้าในตลาดว่าเอาเปรียบผู้บริโภคหรือไม่ และควรลงมาสำรวจว่ากำลังซื้อผู้บริโภคนั้นกลับมาแล้วหรือไม่ หลังจากรัฐบาล คสช.อัดฉีดงบกระตุ้นเศรษฐกิจไปแล้วด้วยเงินนับแสนล้านบาทก็ตาม  

อ้างอิง
http://www.posttoday.com/economy/finance/411899
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1453971617
http://www.dailynews.co.th/economic/376075
http://www.posttoday.com/biz/news/412994