สตรีกับบทบาทผู้นำทางการเมืองยุคใหม่

· 
ทุกวันนี้มีผู้หญิงเข้ามาในแวดวงการเมืองมากขึ้นหรือลดลง
บทบาทของผู้หญิงที่เข้ามาทำงานการเมืองในยุคนี้ควรเป็นอย่างไร

ผู้หญิงที่ทำงานการเมืองตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็มีข้อจำกัดในตัวด้วยเพศสภาพ
จริงๆแล้วผู้หญิงมีทั้งจุดอ่อนและจุดแข็งอยู่ในตัว
ถ้าในมุมมองของตัวเองผู้หญิงมีจุดแข็งและมีคุณสมบัติที่จะทำงานเพื่อส่วนรวมมากทีเดียว
แล้วเป็นคุณสมบัติที่คนที่จะมาทำงานเพื่อส่วนรวมที่จะรับผิดชอบกับสังคมควรจะมี
มีอยู่ในผู้หญิงเยอะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางครั้งพอมองด้านเพศ
ผู้หญิงก็มีจุดอ่อนอยู่ในบางประการเช่น ผู้หญิงจะมีความละอายต่อบาปมากเวลาที่เข้ามาสู่การเมืองซึ่งความละอายต่อบาปนั้นน่าจะเป็นจุดแข็ง
แต่บางครั้งการเมืองก็โหดร้าย มีการโจมตีกัน มีการใส่ร้ายป้ายสีกัน
ผู้หญิงอีกจำนวนมากที่อยากทำงานเพื่อส่วนรวมจึงไม่กล้าเข้าสู่เวทีการเมือง

ถ้าจะพูดถึงสถานการณ์ปัจจุบันก็ต้องต่อเนื่องกันกับอดีต
ในปัจจุบันผู้หญิงมีบทบาทมากขึ้นในสังคมไทย ในทุกครอบครัวมีการเปลี่ยนแปลง แต่ก่อนผู้ชายเป็นหลักในการเลี้ยงดูครอบครัว
แต่เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเข้ามามีบทบาทในการทำงานและมีส่วนช่วยในการเลี้ยงดูครอบครัว
นี่เป็นภาพที่เห็นชัดทั้งในสังคมชนบทและสังคมเมือง
จำนวนน้อยที่อยู่บ้านเลี้ยงลูกเหมือนอดีต
ทำให้มีการยอมรับในความสามารถของผู้หญิงมากขึ้น

ถ้าดูในภาคเอกชนระดับผู้บริหารระดับสูงมีผู้หญิงมากขึ้นและเป็นอัตราก้าวกระโดด
เมื่อมาดูภาคราชการเริ่มมีผู้บริหารระดับสูงที่เป็นผู้หญิง
ในกระทรวงการต่างประเทศมีทูตหญิงมากขึ้น ในหลายกระทรวงมีปลัดกระทรวงเป็นผู้หญิง
จะเห็นว่าการยอมรับในความสามารถของผู้หญิงดีขึ้นเมื่อเทียบกับ 20 ปีที่แล้วที่เข้ามาทำงานการเมือง
ในสมัยนั้นยังมองผู้หญิงว่าเป็นดอกไม้ประดับสภาคือทำให้ภาพของสภาดูนุ่มนวลขึ้น
แต่เดี๋ยวนี้การยอมรับในเรื่องความสามารถของผู้หญิงเป็นปัญหาน้อยลง
เพราะเราใช้เวลาในการพิสูจน์ตัวเองกันมานานพอสมควร

แต่ปัญหาที่ยังมีอยู่คือ ผู้หญิงเป็นห่วงกังวลความเสียหายเรื่องชื่อเสียง
และความเป็นผู้หญิงบางทีก็ถูกใส่ร้ายกันง่ายๆ
โดยเฉพาะเรื่องชู้สาวซึ่งเป็นเรื่องเสียหายในสังคมไทย
มีนักการเมืองหญิงจำนวนไม่น้อยโดนวิธีสกปรกเช่นนี้  และนอกจากนั้นการเมืองก็โหดร้ายมีการใส่ร้ายป้ายสีกันโดยไม่ใช่ข้อเท็จจริงโดยไม่มีคุณธรรม
ผู้หญิงอายมากกว่า ทำให้ผู้หญิงถอยห่างจากการทำงานการเมืองทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น
ด้วยเหตุที่ไม่อยากจะมาเปื้อนโคลน ไม่อยากถูกใส่ร้ายป้ายสีและโดยเฉพาะช่วง
3-4 ปีมานี้ ที่เราเห็นท่านยิ่งลักษณ์
นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกโดนรังแก มีความไม่เป็นธรรมต่างๆ การใช้ Hate Speech ต่างๆ
ซึ่งเป็นเรื่องที่รับไม่ได้

พอมาถึงปัจจุบันมีความพยายามชี้ว่า อาชีพนักการเมืองเป็นอาชีพของคนไม่ดี
คำถามที่อยู่ในใจของดิฉันก็คือ ระบอบการปกครองของประเทศ
เราบอกว่าต้องเป็นระบอบประชาธิปไตย ตอนนี้อาจเป็นระบอบพิเศษ มาจากการยึดอำนาจ แต่ท้ายที่สุดก็ต้องไปอยู่ในระบอบประชาธิปไตย
ก็คือระบบตัวแทนที่ต้องผ่านการเลือกตั้ง นักการเมืองคือผู้เสียสละอาสาเข้ามาทำงาน
การที่ป้ายสีนักการเมืองว่าเป็นคนเลว และพยายามหาคนดีที่เราใฝ่ฝันเข้ามาทำงานการเมือง
อันนี้เป็นอุปสรรคใหญ่ที่จะทำให้ผู้หญิงที่จะเข้ามาทำงานการเมือง ระมัดระวังมากขึ้น
ว่าจะเสียหาย เสียชื่อเสียงหรือไม่ ทำให้เข้ามาในอาชีพการเมืองทั้งในระดับชาติและท้องถิ่นยากขึ้น
นี่คืออุปสรรค ถ้าต้องการให้การเมืองดี จะต้องสร้างสภาพแวดล้อมให้คนดีทั้งหญิงและชายอยากเข้ามาสู่การเมือง

ในระยะเวลาหลายปีมานี้ ผู้หญิงได้พิสูจน์ตัวเองจนทำให้สังคมยอมรับถึงเรื่องของความสามารถ
ศักยภาพ ความรับผิดชอบ คุณธรรมความซื่อสัตย์สุจริต และความมีน้ำอดน้ำทน 5 ประการนี้เป็นคุณสมบัติที่ดีที่อยากทำงานให้ผู้หญิงมีครบ
ด่านที่ยากที่สุดคือการพิสูจน์ว่าผู้หญิงเก่งจริงหรือไม่ แต่ในหลายปีมานี้พิสูจน์แล้วว่าผู้หญิงมีความสามารถ

· 
มีนโยบายใดบ้างของพรรคในการส่งเสริมสนับสนุนผู้หญิงเข้าสู่การเมืองมากขึ้น

ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทยจนถึงปัจจุบัน พรรคไทยรักไทยก็มีนโยบายที่จะส่งเสริมให้ผู้หญิงเข้ามาสู่การเมืองมากขึ้น
ไม่ใช่ด้วยจำนวน แต่เมื่อเทียบด้วยสัดส่วน พรรคไทยรักไทยสมัยนั้นก็ส่งเสริมให้ผู้หญิงลงสมัครมากกว่าพรรคอื่น
และได้ให้โอกาสผู้หญิงได้รับตำแหน่งทางการเมืองมากขึ้น
มีการจัดตั้งหลักสูตรการอบรมเพื่อช่วยส่งเสริมให้ผู้หญิงเข้ามาสู่การเมือง
ตอนนั้นมีเรื่องการกระจายอำนาจเป็นเรื่องใหม่
อยากให้ผู้หญิงเข้ามาสู่การเมืองท้องถิ่นมากขึ้น เพราะคุณสมบัติที่เป็นจุดแข็งของผู้หญิงเหมาะสมในการทำงานตั้งแต่ระดับท้องถิ่นขึ้นไป
จึงมีหลักสูตรอบรมและให้โอกาสผู้หญิงที่จะเสียสละเข้าสู่การเมือง

ในยุคต่อๆ มาก็มีความชัดเจนมากขึ้น จำนวนส.ส.หญิงมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด
แต่ที่ชัดเจนคือ  นโยบายที่เกิดขึ้นในสมัยท่านนายกฯ
ยิ่งลักษณ์เรื่องกองทุนสตรีฯ ถือเป็นการส่งเสริมให้ผู้หญิงดึงศักยภาพของตนเองมาช่วยสังคมให้มากที่สุด
ต้องถือว่าเป็นนโยบายที่ช่วยส่งเสริมศักยภาพให้ผู้หญิงได้มีโอกาสได้รับการอบรมความรู้ต่างๆ  ซึ่งต้องทำต่อเนื่อง
นโยบายที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้ใช้ศักยภาพตนเองที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ
เช่น กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เป็นตัวอย่างที่ดีที่จำเป็นต้องส่งเสริมต่อ
ต้องส่งเสริมทั้งสองส่วนคือ พัฒนาศักยภาพของผู้หญิงและดึงศักยภาพของผู้หญิงมาเป็นประโยชน์ต่อสังคม

· 
มีอะไรฝากถึงภาครัฐในการส่งเสริมให้ผู้หญิงเข้ามาสู่ภาคการเมืองบ้าง

ในขณะนี้ต้องพูดถึงเรื่องรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูก
เพราะรัฐธรรมนูญก็เสร็จแล้วซึ่งในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ไม่ได้เขียนอะไรในการส่งเสริมผู้หญิงที่นอกเหนือจากรัฐธรรมนูญฉบับเก่า
ถ้าดูการทำงาน ณ ปัจจุบันในรัฐบาลนี้ก็มีสัดส่วนของผู้หญิงน้อยมาก แต่อย่างไรก็ดี
เราอยากเห็นหลักการที่จะสนับสนุนผู้หญิงในระยะยาว เรารอดูกฎหมายลูกที่เกี่ยวกับพรรคการเมือง
การเลือกตั้งต่างๆ ที่กำลังจะออกมา ถ้าจะสนับสนุนให้ผู้หญิงเข้าสู่การเมือง ขอฝากสองส่วน
ส่วนหนึ่งคือกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้อง ถ้าสามารถกำหนดสัดส่วนผู้หญิงได้ก็จะเป็นเรื่องดี
แต่ถ้าไม่ถึงจุดนั้นก็ต้องเปิดกรอบในการสนับสนุนให้ผู้หญิงเข้าสู่การเมือง
แล้วจะมีการกำหนดสัดส่วนแม้น้อยก็ยังดี อย่างน้อยก็ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องมองอีกมือหนึ่งคือผู้หญิงให้เข้ามาทำงาน

ส่วนที่สองที่รัฐบาลนี้ควรทำอย่างยิ่งนอกจากเรื่องของกฎหมายคือ
ต้องลดความพยายามที่จะตำหนิฝ่ายการเมืองว่าเป็นสิ่งไม่ดี คนไม่ดี
โดยที่รวมทั้งเพศชายและหญิงเข้าไปด้วย
ถ้ารัฐบาลนี้จริงใจที่จะคืนประชาธิปไตยที่มีการพัฒนาที่ยั่งยืน และจะไม่ใช่ประชาธิปไตยที่เป็นปัญหาดังที่รัฐบาลกล่าวอ้างมา
รัฐบาลนี้ต้องส่งเสริมให้ชัดคือ
การกระทำที่รัฐบาลพยายามสร้างบรรยากาศและปรับทัศนคติของตนเองต่อมุมมองของประชาธิปไตย
แล้วก็รู้หลักของประชาธิปไตย แล้วส่งเสริมให้คนดีเข้ามาสู่การเมืองโดยเฉพาะผู้หญิง 
ถ้าเป็นนโยบายของรัฐบาลเองว่าเลือกตั้งครั้งหน้าอยากให้นักการเมืองที่ดีเข้ามา
นักการเมืองก็เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่จำเป็นสำหรับการทำงานของประเทศถ้าในระบอบประชาธิปไตยหรืออยากส่งเสริมให้ผู้หญิงเข้ามา
ถ้ารัฐบาลหรือผู้นำรัฐบาลสามารถปรับทัศนคติตัวเองได้แบบนี้ แล้วพูดแบบนี้ได้ ก็จะช่วยกันร่วมกับกฎหมายที่จะมีขึ้นในอนาคตก็จะทำให้นอกจากผู้หญิงเข้ามาการเมืองแล้ว
คนดีๆ ทั้งชายและหญิงก็จะเข้ามาการเมืองได้

 

คุณหญิงสุดารัตน์
เกยุราพันธุ์ 
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พรรคเพื่อไทย