รัฐประหาร……จากส.ส. ผันชีวิตมาทำนา สร้างแหล่งเรียนรู้ให้ท้องถิ่น
รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ไม่เพียงแค่เปลี่ยนชีวิต
ดร. ทักษิณ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ไปตลอดกาล
แต่ยังเปลี่ยนชีวิตนักการเมืองอีกหลายคน อนันต์ ศรีพันธุ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย จังหวัดอุดรธานี
เป็นอีกหนึ่งคน ที่ชีวิตได้เปลี่ยนแปลง และได้ผันตัวเองจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
มาใช้ชีวิตเป็นเกษตรกร บนเนื้อที่เล็กๆที่บ้านเกิดในจังหวัดอุดรธานี
อะไรเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ผันตัวมาทำนา?
“ในรอบ 12 ปีที่ผ่านมาได้มีการรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งถึง
2 ครั้ง
โดยรัฐประหารครั้งล่าสุดเมื่อ 22 พฤษภาคม
2557 ก็ทำให้ชีวิตผมนั้นว่างจากงานการเมือง
และปัจจุบันได้มีวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างมาก
ก็เลยคิดว่าอาชีพทำนาน่าจะเป็นอาชีพที่เหมาะสมที่สุด
เพราะจะไปประกอบอาชีพอะไรก็ลำบากเพราะเป็นข้าราชการบำนาญ ไม่มีทักษะอะไรมากมาย
จึงได้ผันตัวเองมาสู่แปลงนา ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์
ในเนื้อที่เล็กๆในบ้านเกิดที่จังหวัดอุดรธานี และผมยังเรียนจบสายเกษตรโดยตรง
ซึ่งก็เป็นอาชีพที่ตรงสายกับที่ผมเรียนจบมาด้วย”
มีโอกาสได้ช่วยชาวนาในด้านใดบ้าง?
“ผมได้ทำแปลงนาเกษตรอินทรีย์ตัวอย่างให้ชาวนาที่สนใจได้มาเรียนรู้
และผมเองก็ยังได้เป็นวิทยากรในการถ่ายทอดความรู้ประสบการณ์ที่มีให้กับชาวนา
โดยผมจะสอนเกี่ยวกับการทำปุ๋ยชีวภาพ เพื่อให้ชาวนานำไปปรับใช้กับที่นาของตัวเอง
ไม่ต้องไปเพิ่งปุ๋ยเคมี ทั้งยังทำให้ข้าวที่นาปลอดสารพิษ และยังเป็นการลดต้นทุนอีกด้วย
ในบางครั้งผมก็ไปเรียนรู้ทฤษฎีการทำนากับชาวนาด้วย
ถือว่าเป็นการเติมเต็มและได้แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน”
ประสบการณ์ที่ได้จากการทำนา?
“เมื่อได้หันมาทำนาอย่างจริงจัง
ทำให้ผมเข้าใจถึงหัวอกของชาวนา โดยปัจจุบันการทำนาต้องลงทุน ไร่ละประมาณ 4,500 บาทต่อไร่ ผลผลิตต่อไร่จะได้ข้าวประมาณ
300-400 กิโลกรัมต่อไร่
สมมติทำ 2 ไร่ก็จะได้ข้าวประมาณ
800 กิโลกรัม ขายได้ 9,000 บาท
ซึ่งก็ไม่เห็นกำไรเพราะปัจจุบันราคาข้าวถูกกว่าเมื่อก่อนเยอะถ้าย้อนไปในสมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทยยังตันละ
15,000 บาท
ซึ่งราคานี้ทำให้พี่น้องชาวนาลืมตาอ้าปากได้”
เมื่อขาดทุนแล้วทำไมชาวนายังต้องทำนาต่อ?
“ก็เพราะว่า
อาชีพชาวนาเป็นวิถีชีวิตของเขา เป็นอาชีพที่ถ่ายทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ
หลายคนยังบอกว่าชาวนาคือกระดูกสันหลังของชาติ
แต่เหตุใดชาวนาถึงมีความยากจนและมีวิถีชีวิตที่ลำบาก เมื่อผมได้มาสัมผัสและใช้ชีวิตเป็นชาวนาแล้ว
ผมจึงเข้าใจชาวนาในหลายๆอย่าง
นับว่าเป็นอาชีพที่น่าเห็นใจและลำบากกว่าที่ผมคิดเยอะ”
อยากฝากอะไรถึงพี่น้องชาวนา?
“อยากให้พี่น้องชาวนาได้อดทนและสู้ชีวิตให้อยู่รอด
จนกว่าจะมีการเลือกตั้ง และมีการทำเศรษฐกิจของประเทศนี้ให้ดีขึ้น เพราะการปกครองในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน
ชาวนาก็ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้ โดนจำกัดสิทธิต่างๆ
แต่ผมก็ได้สัมผัสถึงความรู้สึกจากแววตาของชาวนาที่มีความหวังอยากจะเลือกตั้ง
เพราะวิถีชีวิตของชาวนาคือรักประชาธิปไตย เขาเชื่อและได้เห็นมาแล้วว่าระบอบประชาธิปไตยเท่านั้นที่ทำให้ชีวิตชาวนาลืมตาอ้าปากได้”