อดีต รมต.สธ.ไทยรักไทย แนะรัฐเร่งตั้งวอร์รูมระดับนานาชาติสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ยกการควบคุมโรคซาร์สและเมอร์ส เมื่อปี 2548 ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วเป็นโมเดลแก้ปัญหาโรคระบาด

ศ.นพ.สุชัย เจริญรัตนกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  สมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล  กล่าวว่า เสนอมาตรการป้องกันและรักษาโรคไวรัสโคโรนาที่ขณะนี้แพร่กระจายทั่วโลก รวมถึงไทย โดยขอให้รัฐบาลไทยควรให้ความร่วมมือกับองค์การอนามัยโลก รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศอื่น ๆ ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสภายใต้ผลประโยชน์แห่งชาติไทย

ตั้งวอร์รูมสกัดไวรัสในระดับนานาชาติ โดยร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูลและยุทธศาสตร์การป้องกันโรคฯ ในลักษณะเดียวกับที่ตนเคยทำไว้ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไว้รัสไข้หวัดนก และเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ เมื่อครั้งเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในสมัยรัฐบาลไทยรักไทย เมื่อปี พ.ศ. 2548 ร่วมกับ Dr. Lee Jong Wook ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก และ Mr. Michael O. Leavitte รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐอเมริกา โดยเป็นการประชุมระดับรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของประเทศต่าง ๆ รวม 12 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม กัมพูชา ลาว พม่า ฟิลิปปินส์ บรูไน ภูฏาน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งในครั้งนั้นมีพื้นที่ครอบคลุมภูมิภาคเอเชีย แต่ในครั้งนี้อาจกระชับลงมาเป็นภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้

ประชาสัมพันธ์ความรู้เบื้องต้นและข้อปฏิบัติในการป้องกันเชื้อไวรัสฯ ผ่านสื่อต่าง ๆ และเว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ของโรคฯ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปไม่ตื่นตระหนก และได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง

พัฒนาการประสิทธิภาพของห้องปฏิบัติการตรวจเชื้อไวรัสฯ ของโรงพยาบาลระดับจังหวัดทุกแห่ง ให้มีขีดความสามารถรายงานผลการตรวจชันสูตรได้อย่างถูกต้องแม่นยำภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากได้รับสิ่งส่งตรวจฯ ตามแนวทางที่ตนได้เคยนำร่องการพัฒนาศักยภาพของศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ในภูมิภาคต่าง ๆ รวม 6 แห่ง (เชียงใหม่ ขอนแก่น อุดรธานี ชลบุรี สุราษฎร์ธานี และสงขลา) เมื่อปี พ.ศ. 2548

กรณีผู้ติดเชื้อ หรือผู้ป่วยมีภูมิลำเนาอยู่ในท้องที่ชนบทที่ห่างไกลในระดับอำเภอ – ตำบล – หมู่บ้าน ให้รีบส่งตัวไปอยู่ภายใต้การดูแลรักษาของโรงพยาบาลศูนย์ฯ หรือโรงพยาบาลทั่วไปในระดับจังหวัด รวมทั้งจัดเตรียมยาต้านไวรัสให้เพียงพอที่จะแจกจ่ายไปให้โรงพยาบาลชุมชนในระดับอำเภอ และโรงพยาบาลทั่วไปในระดับจังหวัดทุกแห่งที่มีอุบัติการณ์ของโรค

ทั้งนี้ จากประสบการณ์ที่เคยต่อสู้กับไข้หวัดนกและไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ตนหวังว่ามาตรการควบคุมโรคของรัฐบาลจีนและรัฐบาลของประเทศต่างๆ ในปัจจุบันที่มีมาตรฐานดีขึ้นกว่าเดิมมาก น่าจะช่วยสกัดกั้นไม่ให้การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาขยายความรุนแรงไปสู่ขั้นวิกฤติทั่วโลกได้

ปัจจุบันยังไม่มียา และวัคซีนที่สามารถใช้รักษาและป้องกันโรคนี้ได้ จึงต้องใช้มาตรการและเครือข่ายในการตัดวงจรชีวิตเพื่อป้องกันไวรัสกลายพันธุ์  เหมือนในอดีตที่เคยมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ Spanish Flu ที่รุนแรงมากในปี พ.ศ. 2461 มีผู้เสียชีวิตประมาณ 30 ล้านคน และการแพร่ระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่ Hong Kong Flu ที่มีผู้เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2511 ประมาณ 2 ล้านคน

ขณะที่รายงานอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา เมื่อปลายเดือนมกราคม 2563 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 2 – 3%  ส่วนอัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก (H5N1) อยู่ที่ 60% อัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อเมอร์ส  อยู่ที่ 35% อัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อซาร์ส อยู่ที่ 10% และอัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล อยู่ที่ 0.1 – 2.5%

แต่เชื้อไวรัสโคโรนา มีข้อแตกต่างจากไวรัสชนิดอื่น คือมีอัตราการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น 1.5 – 3.3 คน ต่อผู้ป่วย 1 คน เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติของไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่มีอัตราการติดเชื้อไปสู่ผู้อื่น 1.3 คน ต่อผู้ป่วย 1 คน

จากรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาทั่วโลกในช่วงต้นเดือนกุมภาพีนธ์ อยู่ที่ประมาณ 19,810 คน มีผู้เสียชีวิต  426 คน ภายใน 1 เดือน ถือเป็นอุบัติการณ์ที่น่าวิตกมาก เมื่อเปรียบเทียบกับการแพร่ระบาดของซาร์ส ที่มีผู้ติดเชื้อ 8,098 คน และมีผู้เสียชีวิตประมาณ 774 คน ในช่วงเดือนพ.ย.45 – ก.ค. 46

นอกจากนี้ปัจจุบันรัฐบาลจีนและองค์การอนามัยโลกยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสตัวนี้จะรุนแรงไปถึงขั้นใด แต่ผู้เชี่ยวชาญและคณะวิจัยไวรัสวิทยาในฮ่องกงพยากรณ์ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและน่าจะถึงจุดสูงสุดในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2563 จากนั้นความสัมฤทธิ์ผลของมาตรการควบคุมโรค จะมีผลให้ระดับความรุนแรงของการแพร่ระบาดลดลงในลักษณะของเส้นกราฟรูปทรงระฆังคว่ำ แต่ถ้ามาตรการควบคุมโรคล้มเหลวการแพร่ระบาดจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรงถึงขั้นวิกฤติในภูมิภาคทวีป หรือทั่วโลก

ศ.นพ.สุชัย กล่าวว่า โลกปัจจุบันเป็นสังคม IT ที่มีข้อมูลข่าวสารอยู่ทั่วไป ข้อมูลบางอย่างเป็นเพียงข่าวลือเพื่อประโยชน์ส่วนตัว หรือเพื่อความตื่นเต้น ทำให้เกิดกระแสตื่นตระหนก มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง ฉะนั้นประชาชนทุกคนควรให้ความสนใจกับความรู้เบื้องต้น และคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขในการป้องกันเชื้อไวรัสตัวนี้ รวมทั้งระมัดระวังถึงอันตรายของไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ที่มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกประมาณ 4 แสนคน ในทุก ๆ ปีด้วย

อย่างไรก็ตามเชื่อว่าแพทย์และพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งโรงเรียนแพทย์ทุกแห่งมีศักยภาพเพียงพอที่จะรองรับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสตัวนี้

ที่มา www.pptvhd36.com