“มนพร เจริญศรี” ถอดบทเรียน “ท่าอุเทนโมเดล” ในวันที่ “โควิด-19” เยือนนครพนม
“พอชาวบ้านรู้ว่ามีผู้หญิงหนึ่งคนติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ชาวบ้านแตกตื่นตกอกตกใจทำอะไรไม่ถูก เขากลัวคนติดเชื้อ แต่เราต้องบอกเขาว่าคนติดเชื้อเป็นคนป่วยรักษาหายได้ และเราก็ป้องกันได้”
ส.ส.มนพร เจริญศรี เขตเลือกตั้ง 2 จังหวัดนครพนม พรรคเพื่อไทย บอกเล่าถึงวินาทีแรกที่ทราบว่าคนใน บ้านท่าดอกแก้ว หมู่ 5,6 ตำบลท่าจำปา อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ไม่สบายและสงสัยว่าจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทันทีที่ทราบข่าวแน่ชัด ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด นายอำเภอท่าอุเทน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำตัวผู้ป่วยดังกล่าว นำมารักษาที่โรงพยาบาลจังหวัดนครพนม
“สิ่งแรกที่พี่เดือนทำเลยคือลงไปที่หมู่บ้าน ไปให้กำลังใจคนในหมู่บ้าน ให้เขาหยุดตกใจก่อน อธิบายให้เขาเข้าใจว่า คนป่วยโรคไวรัสโควิด-19 สามารถรักษาหายได้เพราะเราพึ่งค้นพบ และเราทุกคนก็สามารถป้องกันตัวเองได้ โดยสวมหน้ากาก ล้างมือ ด้วยสบู่ไม่ให้มีการชุมชุมในหมู่บ้าน หยุดกิจกรรมต่างๆที่เคยปฏิบัติกันมา” ส.ส.มนพร เล่าถึงการจัดการกับวิกฤติ ที่เกิดขึ้นแบบกะทันหันจากนั้นจึงมีคำสั่งจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อดำเนินการ “ล็อกดาวน์ (Lockdown) หมู่บ้าน” เพื่อยับยั้งการแพร่เชื้อโควิด-19 ในทันที
เมื่อทุกฝ่ายตัดสินใจล็อกดาวน์ หมอ พยาบาลตระเตรียมเครื่องมือเครื่องไม้ที่จำเป็น ส่วนฝ่ายปกครองก็จัดแจงกำลังคนทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิก อสม. ตำรวจ ทหาร ตรวจสอบแผนที่เส้นทางเพื่อล็อกหมู่บ้านไม่ให้คนนอกเข้าและไม่ให้คนในหมู่บ้านออกมา ตามหน้าที่ของแต่ละฝ่าย
“สองหมู่บ้านคือหมู่ 5 และหมู่ที่ 6 เขาอยู่ติดกัน เราแบ่งกลุ่มเลย กลุ่มแรกคือผู้ป่วย 1 คนส่งโรงพยาบาลนครพนม กลุ่มที่สองคือสมาชิกครอบครัวผู้ป่วยที่อยู่ใกล้ชิด กลุ่มที่สาม คือ คนที่ร่วมงานเลี้ยงงานแต่งในหมู่บ้าน ที่เขาไปนั่งคุย ให้กักตัวในบ้าน และกลุ่มสุดท้าย คนรอบหมู่บ้านทั้งหมด 419 ครัวเรือนประชากรเกือบ 2 พันกว่าคน” ส.ส.มนพร อธิบายการแบ่งกลุ่มผู้เฝ้าระวัง เพื่อสกัดเชื้อไวรัสโควิด-19
การทำงานที่ประสานงานกันอย่างลงตัวของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้มีการดูแลหมู่บ้านอย่างเข้มงวด จัดเวรยามดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
“เราขอร้องชาวบ้านไม่ให้คนออกจากบ้าน จัดทีมพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในหมู่บ้าน และส่งอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านทุกหลังคาเรือน มอบหมายให้อสม.เข้าไปดูแล พี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด บอกให้สมาชิกทุกคนจัดระเบียบทำความสะอาดเนื้อตัวเสื้อผ้า และบ้านช่องของใช้ทุกอย่างให้สะอาด”
ส.ส.มนพร เล่าว่า ได้แนะนำให้จัดตั้งศูนย์บัญชาการหน้าหมู่บ้าน โดยระดมแม่บ้านทั้งในหมู่บ้านและนอกหมู่บ้าน มาช่วยกันทำอาหาร โดยวัตถุดิบทุกอย่างได้รับบริจาคมาจากพ่อค้าแม่ค้า นักธุรกิจในเมืองนครพนมที่ทราบข่าวโดยกำนัน ผู้ใหญ่บ้านได้ร่วมแรงเป็นจิตอาสาเอารถกระบะของตัวเอง ไปตระเวนรับของจากตลาดในเมือง
“ชาวบ้านน่ารักมาก คุณนึกถึงรถเข็นมีเข่งในตลาดสดนะ เข็นไปใครมีหมูโยนหมู ใครมีผักโยนผัก ใครมีเงินโยนเงินลงในเข่งเลย เราก็เอาหมูเอาผักเหล่านั้นส่งเข้าไปในหมู่บ้านและส่วนหนึ่ง นำมาทำกับข้าวเพื่อดูแล เจ้าหน้าที่แพทย์และพยาบาลที่มาอำนวยความสะดวก”
ส.ส.มนพร บอกว่า ตอนแรกเราก็กังวลนะ คิดไม่ออกว่าจะหาอาหารจากไหนมาเลี้ยงคนเป็นพันคนเป็นเวลา 14 วัน แต่ปรากฏว่าน้ำใจพี่น้องประชาชนจากทุกสารทิศ หลั่งไหลมาไม่ขาดสายทำให้ชาวบ้านที่ถูกกักบริเวณในหมู่บ้านเริ่มมีขวัญและกำลังใจ และมีวินัยในการดูแลตัวเองรวมถึงคนในครอบครัว
ในเรื่องการดูแลเยียวยาจิตใจให้ชาวบ้าน ให้คลายความวิตกกังวลนั้น ส.ส.มนพร บอกว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ฝ่ายราชการ อาจคาดไม่ถึง
“เรารู้ความทุกข์สุขของชาวบ้านบางทีราชการก็คิดไม่ถึง เราเป็นแม่บ้านเราจะรู้ดีว่าต้องใส่ใจคนสูงอายุ คนป่วยในหมู่บ้านของเรา โดยเฉพาะตอนมีไวรัสโควิด-19 เราต้องดูแลเขาให้มากขึ้นอย่าให้เขาเครียด ในชุมชนบ้านนี้มีเสียงตามสายวิทยุชุมชนจากวัด เมื่อพระออกมาบิณฑบาตไม่ได้ เราก็ให้คนไปถวายอาหาร พระก็สวดอนุโมทนาให้พรตามสายมาให้ได้ยินกันทั้งหมู่บ้านให้ชาวบ้านอบอุ่นใจแล้วก็มีการจัดกิจกรรมให้คนกักตัว ได้ถือโอกาสทำความสะอาดบ้านช่องและออกกำลังกายในบ้านทุกวัน”
หลังเมฆครึ้มจางหาย ท้องฟ้าที่บ้านท่าดอกแก้ว ตำบลท่าอุเทนก็กลับมาสดใสอีกครั้ง… เมื่อผู้ป่วยได้รับการรักษาจนหายขาดและ ผลตรวจเชื้อสมาชิกในครอบครัวใกล้ชิดผู้ป่วยปลอดภัยทุกคน ได้สร้างความยินดีให้กับคนทั้งหมู่บ้าน จากที่เคยเคร่งเครียดกังวลใจก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม ความเหนื่อยล้าตลอด 10 วันที่กักตัวกันมา ก็เปลี่ยนเป็นกำลังใจให้กักตัวกันต่อไปจนครบกำหนด 14 วัน
รอยยิ้มและความสุขใจของชาวบ้านท่าดอกแก้ว ตำบลท่าจำปา อำเภอท่าอุเทน ในวันนี้ อาจไม่ได้ทำให้แค่ครอบครัวของผู้ป่วยสุขใจเท่านั้น แต่สำหรับหัวใจของ ส.ส.ชื่อ มนพร เจริญศรีแล้ว รู้สึกอิ่มเอิบและภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ของ ส.ส. อย่างเต็มที่
“ดิฉันไม่เหนื่อย เรามีสำนึกความเป็นผู้แทนฯ ถ้าชาวบ้านอยู่ไม่ได้ เราก็อยู่ไม่ได้ เมื่อเราอาสาเป็นผู้นำ เราต้องคิดให้มากกว่าคนอื่น และต้องนำชาวบ้านอย่างกล้าหาญอย่างที่สุด” ส.ส.มนพร เจริญศรี กล่าวทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้มในวันที่ได้รู้ว่าชาวบ้านปลอดภัยจากไวรัสโควิด-19
หน้ากากปิดบังหน้าได้… แต่ปิดบังหัวใจไม่ได้
เพราะ พรรคเพื่อไทย…หัวใจคือประชาชน