“เราต้องปกป้องเขาให้ดูแลชีวิตได้และดี” มนตรี ตั้งเจริญถาวร ระดมพล “นนทบุรี” ช่วยป้องกัน “สถานสงเคราะห์เด็ก-ผู้พิการ”

“คนพิการเขาขยับเคลื่อนไหวร่างกายได้ยากลำบากนะ ต้องอย่าลืม ยิ่งเขาพิการ เขาก็ต้องใช้มือเท้าที่มีในการสัมผัสจับทุกอย่างเพื่อขยับเขยื้อนร่างกาย เคลื่อนที่ ตรงนี้แหละที่คนคิดไม่ถึง และตรงนี้แหละที่จะทำให้เขามีโอกาสติดเชื้อโควิด-19มากที่สุด” ส.ส.มนตรี ตั้งเจริญถาวร เขตเลือกตั้งที่ 4 จังหวัดนนทบุรี พรรคเพื่อไทย บอกเล่าถึงสถานการณ์ในวันที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีสั่งปิดสถานศึกษา ศูนย์การแสดงสินค้า ศูนย์ประชุม ห้างสรรพสินค้า ตลาดนัดตลอดจนถึงสวนสาธารณะในพื้นที่จังหวัดนนทบุรีเป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่

“เขตเทศบาลนครปากเกร็ด รวมถึงนนทบุรี ทั้งจังหวัดมีสถานสงเคราะห์เด็กอ่อน คนพิการ และมูลนิธิสงเคราะห์ต่างๆ ไม่น้อยกว่า 16 แห่ง ทั้งสถานสงเคราะห์เด็กอ่อน  สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการ , มูลนิธิสงเคราะห์เด็กอ่อนพิการ” ส.ส.มนตรี ไล่จำนวนมูลนิธิและสถานสงเคราะห์ที่เขาให้ความใส่ใจเป็นพิเศษในช่วงไวรัสโควิด-19 ระบาด

สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนและคนพิการ แต่ละแห่งมีสมาชิกอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก สิ่งที่สร้างความกังวลให้กับทุกฝ่าย คือ หากเกิดการติดเชื้อขึ้นภายในสถานสงเคราะห์และศูนย์แต่ละแห่ง จะสร้างความลำบากให้ทุกฝ่าย ดังนั้นการป้องกันในทุกวิถีทางจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง  

“เราห่วงเด็กพิการในศูนย์ เขาเป็นเด็กอ่อนตั้งแต่หนึ่งขวบจนเด็กโต และจำนวนหนึ่งก็เป็นเด็กพิการ เขาก็กังวลเรื่องการติดเชื้อ ก็มีการประสานงานกับสถานสงเคราะห์ เรื่องไปร่วมกัน ช่วยกันทำความสะอาดสถานสงเคราะห์และฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อในที่ต่างๆ หัวหน้าศูนย์ที่รู้จักกัน ก็ประสานงานกันมาตลอด ในส่วนของจังหวัดหรือเทศบาล มีภาระหน้าที่ในการดูแลรับผิดชอบพื้นที่กว้างขวาง ในส่วนของศูนย์ต่างๆ ที่รู้จักกัน และเคยประสานงานกันในเรื่องต่างๆ ก็ได้คุยกันเรื่องนี้ ผมก็รีบบอกน้องๆ อาสาสมัครให้เข้าพื้นที่ไปหาเขาทันที เพื่อช่วยเหลือเขาก่อนและแบ่งเบาภาระของทางราชการ”  

นอกจากบริการฉีดยาฆ่าเชื้อแล้ว ส.ส.มนตรี ยังประสานงานกับสถานสงเคราะห์ที่เข้าไปช่วยเหลือ อาสาเข้าไปร่วมจัดตั้งจุดคัดกรองหน้าที่สถานสงเคราะห์ ให้มีการตรวจวัดอุณหภูมิ ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กในสถานสงเคราะห์ได้รับผลกระทบ

“จนท.ศูนย์ที่เคยประสานกัน เขาประสานมา เราจึงลงพื้นที่ไปช่วยฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อ ทำความสะอาดเช็ดถู และมอบสิ่งของและอุปกรณ์บางอย่างให้กับศูนย์บ้าง เท่าที่พอจะหาได้ สถานสงเคราะห์อื่นๆ ก็ติดต่อมาให้เราไปร่วมบ้าง  เราเองก็ห่วงทั้งเด็กและคนพิการในพื้นที่ จึงพยายามระดมจัดหาอาสาสมัครในพื้นที่ ให้ไปช่วยฉีดน้ำยาเวียนไปทุกสถานสงเคราะห์ให้ได้มากที่สุดภายในหนึ่งสัปดาห์ แล้วจัดตารางวนกลับไปฉีดซ้ำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ทุกสัปดาห์และคิดว่าจะดำเนินการให้ได้แบบนี้ไปจนกว่าจะหมดช่วงที่มีการระบาด” ส.ส.นนทบุรี เขตเลือกตั้งที่ 4 พรรคเพื่อไทย เล่า

“เราต้องระดมเพื่อนๆ จิตอาสามาช่วยกัน คนของเราไม่พอ โชคดีผมเกิดและเติบโตที่นี่ ผมรู้จักกับทุกศูนย์ ทุกชมรม ทุกมูลนิธิ และรู้จักคุ้นเคยกับผู้ใหญ่บ้าน กำนันทุกแห่ง พอเขาเข้าใจว่าเราทำอะไร ชาวบ้านพอรู้ก็มาช่วยชุมชนกันหมด” ส.ส.มนตรีเล่าเบื้องหลังการระดมอาสาสมัครเข้ามาช่วยพ่นยาฆ่าเชื้อสถานสงเคราะห์ ซึ่งได้รับการตอบสนองและน้ำใจจากชาวบ้านมาช่วยกันเหลือกันเองในชุมชนเป็นอย่างดี 

แม้ ส.ส.มนตรี
จะระดมอาสาสมัครและเข้าฉีดยาฆ่าเชื้อตามตารางที่ได้จัดทำกันไว้ในทุกสัปดาห์อย่างเต็มที่แล้ว
ในสถานการณ์ที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่ ส.ส.มนตรี ยังคงห่วงและหนักใจ
โดยเฉพาะผู้พิการในสถานสงเคราะห์ ซึ่งในยามปกติก็ใช้ชีวิตยากลำบากอยู่แล้ว
ก็จะยิ่งยากลำบากมากขึ้นเป็นทวีคูณในช่วงเวลาแบบนี้ 

“คนพิการเขาขยับเคลื่อนไหวร่างกายได้ยากนะ บางคนขยับแขนขาไม่ได้ ถ้าคนไม่มีมือขา ต้องนั่งรถเข็นก็ไม่สามารถเอื้อมมือไปกดเจลแอลกอฮอล์ได้ บางคนก็ต้องใช้ทั้งมือทั้งเท้าในการสัมผัสจับทุกอย่างเพื่อขยับร่างกาย ตรงนี้แหละที่คนจะคิดไม่ถึง และตรงนี้แหละที่จะทำให้เขามีโอกาสติดเชื้อมากที่สุด..
.. ผมอยากจะบอกว่าหากจะช่วยเหลือคนพิการ ต้องไม่ลืมคิดถึงเงื่อนไขที่แตกต่างของคนพิการด้วย แล้วถ้าจะมีมาตรการช่วยเหลือก็ขอให้ครอบคลุมกลุ่มบุคคลเหล่านี้ด้วย ต้องไม่ละเลยแล้วต้องปกป้องเขายิ่งกว่าปกติ เพื่อให้ทั้งเด็กและคนพิการได้รับบริการที่ดี ดูแลชีวิตได้และดี ไม่น้อยกว่าคนปกติทั่วไป”  ส.ส.มนตรีกล่าวทิ้งท้าย