ส่ง “ข้าว” ช่วยบรรเทาพิษ “ล็อกดาวน์” .. “มานะศักดิ์ จันทร์ประสงค์” ในวันที่ นนทบุรี ถูก “ล็อกยาว”

“ปัญหาที่สำคัญที่สุดวันนี้ คือ ชาวบ้านเขาไม่รู้ว่าการสั่งปิดสถานที่ต่างๆ ซึ่งทำให้เขาต้องหยุดงาน ต้องขาดรายได้ ต้องลำบากกันมากขึ้น บางคนถึงขั้นไม่มีกิน จะสิ้นสุดเมื่อไร” มานะศักดิ์ จันทร์ประสงค์ ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ชี้ประเด็นอันเป็นผลกระทบจากมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ ที่ประกาศใช้หลังเกิดเหตุระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

คำสั่งล็อกดาวน์ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี สร้างผลกระทบให้กับประชาชนอย่างมาก และดูเหมือนจะมากขึ้นตามระยะเวลาที่ยืดเยื้อออกไป ยิ่งนานวันเท่าไร ความเดือดร้อนก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วยอย่างปฏิเสธไม่ได้

“พื้นที่ของผม (เขตเลือกตั้งที่ 3 จังหวัดนนทบุรี) มีทั้งที่เป็นชุมชนเมืองและที่ยังเป็นรูปแบบของชนบท บ้านสวน เกษตรกรรม แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนทุกคนได้รับผลกระทบหมดครับ คนที่อยู่แบบชุมชนเมือง กลุ่มนี้หลายคนต้องหยุดงาน พ่อค้าแม่ค้าต้องปิดร้าน ทำให้ขาดรายได้ในการยังชีพ ส่วนกลุ่มชาวสวน ตลาดสินค้าซบเซา ตลาดบางแห่งปิดไปเลย เขาไม่สามารถขนส่งผลผลิตได้ ชาวนาแม้ตอนนี้ราคาข้าวจะขยับขึ้น แต่ก็เป็นช่วงที่เขาเก็บเกี่ยวผลผลิตไปหมดแล้ว” ส.ส.มานะศักดิ์ แจกแจงผลกระทบของชาวบ้านในพื้นที่ในรายละเอียด

ในฐานะ “ผู้แทนราษฎร” ส.ส.มานะศักดิ์ จันทร์ประสงค์ ได้ยินได้ฟังความเดือดร้อนของชาวบ้านกลุ่มต่างๆ มาตลอดนานนับเดือน ทั้งในแบบที่มาถึงตัวเขาเองโดยตรงและเสียงสะท้อนผ่านทีมงานที่เขาได้มอบหมายให้ไปคอยดูช่วยเหลือประชาชนตามชุมชนต่างๆ   

“ประเด็นสำคัญคือ ชาวบ้านมีความกังวล และตั้งคำถามกันว่ามาตรการต่างๆ ที่บังคับใช้อยู่ในตอนนี้จะสิ้นสุดเมื่อไร?” ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงคำถามสำคัญที่ทำให้ถึงความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ ก่อนที่เขาขยายความว่า “ตอนนี้ทุกคนลำบากมาก ภาครัฐก็ไม่มีความชัดเจนให้ประชาชนว่า เหตุการณ์นี้จะจบเมื่อไร จะมีจุดสิ้นสุดหรือไม่ หรือเขาต้องอยู่กันอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นเขาตายแน่ๆ ครับ”

“มาตรการทั้งหลายที่ออกมาจะต้องมีวันสิ้นสุดนะครับ ถ้าเป็นแบบนี้ไปไม่มีวันสิ้นสุดชาวบ้านจะอยู่อย่างไร รัฐต้องตอบให้ได้ว่า จุดสิ้นสุดอยู่ที่ตรงไหน นานเท่าไรเราถึงจะจำกัดขอบเขตของเชื้อโรคเพื่อให้ชาวบ้านเกิดความมั่นใจและสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว รัฐต้องบอกกับเขาให้ชัดเจน เขาจะได้ปรับตัว เตรียมการรับมือ วางแผนชีวิต หรือถ้ารัฐจะปล่อยให้อยู่กันอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ คือเราต้องอยู่กับการระบาดของโรคต่อไปให้ได้ รัฐก็ต้องมีคำตอบให้เขาด้วยว่าจะมีการปรับเปลี่ยนมาตรการอย่างไร เพื่อให้ทุกคนสามารถอยู่ได้อย่างปลอดภัยแล้วดำเนินชีวิตได้แม้จะต้องควบคุมการระบาด ไม่ใช่ปล่อยไปเรื่อยๆ เหมือนจะไม่มีวันจบสิ้นแบบนี้” ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ทิ้งคำถามในประเด็นสำคัญถึงรัฐบาลถึงความชัดเจนในสถานการณ์ที่ทุกคนกำลังได้รับความเดือดร้อน

สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  ทำให้พื้นที่จังหวัดนนทบุรีถูกสั่งล็อกดาวน์ ปิดสถานที่เสี่ยงบางแห่ง และขอความร่วมมือห้ามออกจากบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่อายุเกิน 60 ปี  

“ประชาชนทุกคนเข้าใจนะครับเรื่องการป้องกันการแพร่ระบาด การปกป้องตัวเองและความรับผิดชอบต่อสังคม แต่ทุกมาตรการก่อนประกาศออกไปต้องมีมาตรการรองรับ วันนี้หลายคนกำลังลำบาก ผมก็พยายามหาทางช่วย ชาวบ้านลำบาก รายได้ลด ก็คิดว่าทำอย่างไรให้เขาได้อิ่มก่อน ผมก็เลยหาข้าวสารและของใช้จำเป็นส่วนหนึ่งมาแบ่งปันกัน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ถูกให้งดออกจากบ้าน ให้เขาอุ่นใจในระดับหนึ่งว่า ในสถานการณ์นี้เขาจะไม่อดอยาก”   

ส.ส.มานะศักดิ์ บอกว่าได้ติดตามสถานการณ์ตลอดเวลาและพิจารณาการช่วยเหลือของฝ่ายต่างๆ โดยในส่วนของท้องถิ่นนนทบุรี ได้พยายามดูแลประชาชน ในเรื่องของการฉีดยาฆ่าเชื้อ และการแจกจ่ายเจลแอลกอฮอล์ที่ขาดแคลน แต่เขามองในเรื่องของความเป็นอยู่และปากท้องจะเป็นหลัก เพราะได้มองปัญหาตั้งแต่ต้นแล้วว่าในท้ายที่สุดอาจเกิดผลกระทบกับความเป็นอยู่ของประชาชน

“ผมก็หาข้าวสารมาได้ส่วนหนึ่ง แล้วก็มีสบู่เหลวสำหรับล้างมือ พร้อมของใช้จำเป็น 2-3 อย่าง แบ่งใส่ถุงแล้วให้ผู้นำชุมชนและเครือข่ายไปแจกจ่ายให้ชาวบ้าน ผมไม่ได้ไปเอง เพราะคำนึงเรื่องความปลอดภัยของชาวบ้าน ไม่อยากให้มีการรวมตัว แต่เชื่อว่าสิ่งของทั้งหมดเมื่อไปถึงเขาแล้วน่าจะช่วยเขาได้ ไม่มากก็น้อย ส่วนใหญ่ผมจะเน้นไปที่ผู้สูงอายุ คนกลุ่มนี้ชีวิตปกติก็ลำบากอยู่แล้ว เมื่อมีคำสั่งห้ามออกจากบ้านเพราะเป็นกลุ่มเสี่ยง ใครจะหาให้เขา ผมก็พยายามที่จะแบ่งให้เบื้องต้นคนละ 2 กิโลกรัม โดยจะต้องไปให้ถึงเขาเร็วที่สุดและทั่วถึงที่สุด ไม่อยากให้ช้า เพราะห่วงว่าความล่าช้าจะยิ่งทำให้เขาเดือดร้อนมากขึ้น” ส.ส.มานะศักดิ์ จันทร์ประสงค์ อธิบายแนวคิดในการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงนี้ พร้อมยืนยันว่า “ในสถานการณ์แบบนี้ เราก็จำเป็นที่จะต้องหาทางช่วยกัน และจะเดินหน้าในสิ่งที่ได้ทำไป ตราบใดที่สถานการณ์ยังไม่จบ … แต่ถึงอย่างไรก็อยากให้สถานการณ์จบลงให้เร็วที่สุด เพราะไม่อยากเห็นใครจะต้องเดือดร้อนไปมากกว่านี้”