9 กันยายน 2563 นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีในเรื่องวิกฤติทางเศรษฐกิจและวิกฤติทางการเมือง โดยไม่มีการลงมติ ว่า จีดีพีประเทศไทย กว่า 17-20% อยู่ที่การท่องเที่ยว และภาคการท่องเที่ยวยังเป็นตลาดแรงงานที่ใหญ่มาก มีแรงงานกว่า 10 ล้านคน ซึ่งภาคธุรกิจการท่องเที่ยวเริ่มซบเซาชะลอตัวมาตั้งแต่เรามีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ พอเกิดวิกฤติโควิด-19 รัฐบาลจึงผลักภาระจากเศรษฐกิจที่ล้มเหลวก่อนหน้านี้แล้วไปโทษโควิด-19 ซึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวของประเทศไทย กว่า 70% มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เมื่อเกิดภาวะวิกฤติโควิด-19 และมีการปิดประเทศ รายได้ตรงนั้นจึงหายไป โดยที่รัฐบาลไม่มีแผนรองรับ ทำให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ซึ่งนับตั้งแต่ที่มีผู้นำรัฐบาลและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เราไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างจริงจังเลย

ปัญหาเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทย รัฐบาลต้องมองให้เห็นก่อนว่าเราต้องส่งเสริมด้านไหน นโยบายที่รัฐบาลเคยทำส่วนใหญ่มองอย่างเดียวคือทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่กระจุกอยู่ที่เดียว รัฐบาลต้องกระจายจุดท่องเที่ยว กระจายความเจริญออกไปทั่วประเทศ ส่วนมาตรการซอฟท์โลนที่รัฐบาลออกมา ก็ไม่สามารถช่วยเหลือภาคธุรกิจการท่องเที่ยวที่กำลังจะตายได้เลย ส่วนโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่มีผู้ใช้สิทธิ์ไม่ถึง 20% แสดงให้เห็นว่านโยบายที่รัฐบาลคิดออกมานั้น ไม่คำนึงถึงการใช้ได้จริง หรือจะประสบความสำเร็จหรือไม่

“ปัญหาอยู่ที่ผู้นำรัฐบาล ไม่มีวิสัยทัศน์มากพอที่จะเลือกนโยบายที่ถูกต้องเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน ซึ่งความผิดของนายกรัฐมนตรีไม่ใช่เพราะไม่มีความสามารถ แต่เป็นเพราะไม่มีความสามารถแต่ยังรักษาอำนาจไว้ และทำให้มีวิกฤติจนถึงวันนี้ พูดง่ายๆคือ ท่านไม่ได้เก่งแต่อวดเก่ง ลาออกเถอะครับ”