เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เรียกร้อง รัฐบาลหยุดแทรกแซงสถาบันการศึกษา-เร่งสั่งการเจ้าหน้าที่รัฐหยุดคุกคามเยาวชน

18 สิงหาคม 2563 น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานเพื่อติดตามการชุมนุมของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน เปิดเผยว่า หลังจาก คณะทำงานฯเปิดช่องทางการสื่อสารให้ผู้ถูกคุกคามและบุคคลทั่วไป สามารถร้องเรียนและแจ้งเบาะแสข้อมูลต่างๆเข้ามาได้นั้นพบว่า นอกเหนือจากเยาวชนจะถูกละเมิดสิทธิและถูกคุกคามแล้ว ยังมีรายงานเข้ามาว่าครูอาจารย์ก็โดนคุกคามและกดดันมาจากผู้มีอำนาจด้วยเช่นกัน โดยในรายงานระบุชัดเจนว่า มีข้าราชการระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ ออกมากดดันและคาดโทษผู้บริหารสถานศึกษาและครูอาจารย์ ที่ปล่อยให้นักเรียนแสดงออกทางการเมือง ในขณะเดียวกันกับที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของรัฐ เช่น ตำรวจและทหาร ก็ออกมากดดันให้ครูอาจารย์ร่วมมือส่งชื่อรายชื่อเยาวชน และผู้ปกครองที่เป็นแกนนำให้แก่ฝ่ายความมั่นคงด้วยเช่นกัน

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้ครูอาจารย์กลายเป็นจำเลยสังคมเพราะโดนกระหนาบจากทั้งสองฝั่ง ซึ่งฝั่งหนึ่งก็คือผู้ปกครองและนักเรียนที่เห็นว่าการแสดงออกทางการเมืองภายใต้กฎหมาย เป็นสิทธิเสรีภาพที่คนไทยทุกเพศทุกวัยสามารถกระทำได้ ส่วนอีกฝ่ายก็คือผู้มีอำนาจ ที่สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายประจำดูแลกดดันครูอาจารย์ในฐานะผู้รับผิดชอบสถานศึกษา ต้องกำหนดมาตรการต่างๆไม่ให้เยาวชนแสดงออกได้ ดังนั้นครูอาจารย์จึงโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง จากข้อเท็จจริงดังกล่าว พรรคเพื่อไทยจึงอยากเรียกร้องไปยังผู้มีอำนาจทุกฝ่าย ให้หยุดกดดันผู้บริหารสถานศึกษาทุกแห่งตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และช่วยกันกำกับดูแลให้ผู้รับผิดชอบทุกฝ่าย เปิดพื้นที่ให้แก่ลูกหลานเยาวชนได้แสดงออกทางการเมือง และแนะนำให้เยาวชนใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญอย่างถูกต้องตามกฎหมายต่อไป

“คณะทำงานฯได้เปิดช่องทางให้ผู้บริหารสถานศึกษา ครูอาจารย์ ที่ถูกข่มขู่คุกคามและกดดันจากเจ้าหน้าที่รัฐไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยผู้ร้องเรียนสามารถแจ้งเข้ามาได้ตามช่องทางการสื่อสารต่างๆของพรรคเพื่อไทย หรือติดต่อส่งข้อมูลโดยตรงได้ที่ ส.ส.ของเราทุกคน พรรคเพื่อไทยเชื่อว่าประชาธิปไตยต้องเกิดขึ้นที่โรงเรียนให้ได้เสียก่อน ดังนั้นผู้บริหารสถานศึกษา ครูอาจารย์จึงควรให้การสนับสนุนลูกศิษย์อย่างเต็มที่ สอนให้เยาวชนรู้จักการใช้สิทธิเสรีภาพภายใต้กฎหมาย คุ้มครองให้เด็กๆทำกิจกรรมได้อย่างปลอดภัย อย่าปล่อยให้ลูกหลานเยาวชนของเราไปชุมนุมที่อื่น เพราะการแสดงออกในรั้วของโรงเรียนยังอยู่ในสายตาของครูอาจารย์ที่รักและห่วงใย คอยปกป้องดูแลและให้คำแนะนำดีๆแก่ลูกศิษย์ได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ไม่สบายใจที่รัฐบาลทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก อยากให้นายกรัฐมนตรีลงมาเอาใจใส่กับเรื่องนี้ให้มากขึ้น อย่างน้อยที่สุดควรให้นโยบายกับเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งฝ่ายประจำและฝ่ายมั่นคง ให้เลิกแทรกแซงสถาบันการศึกษาต่างๆในทุกระดับ ให้เสรีภาพกับครูอาจารย์ในการดูแลปกป้องลูกศิษย์ หยุดกดดันและใช้ครูอาจารย์เป็นเครื่องมือในการละเมิดเสรีภาพและลิดรอนสิทธิของเยาวชน เพราะจากการสอบถามไปยังสถาบันการศึกษาพบว่า ไม่มีครูบาอาจารย์คนไหนอยากเป็นเผด็จการคอยชี้นิ้วห้ามปรามนักเรียน ขณะเดียวกันก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนไหนที่อยากจับนักเรียนที่ชู 3 นิ้วเช่นกัน ดังนั้นปัญหาของประเทศนี้จึงไม่ได้อยู่ที่ผู้บริหารสถานศึกษา ครูอาจารย์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ปัญหาที่แท้จริงน่าจะอยู่กับผู้บริหารประเทศที่ถูกครหาว่าเป็นรัฐบาลเผด็จการมากกว่า เพราะ 6 ปีที่ผ่านมาคนไทยมีปัญหาโดนละเมิดสิทธิเสรีภาพมาตลอด ดังนั้นนายกรัฐมนตรีจึงควรเร่งสั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐหยุดกดดันผู้ชุมนุมในทุกระดับได้แล้ว”