นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย ยืนยัน รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ลดภาษีเพื่อช่วยผู้ประกอบการให้แข่งขันต่างชาติได้ แนะ รัฐบาลประยุทธ์ – รมว.คลัง เลิกโยนความผิด จากการบริหารเศรษฐกิจผิดพลาด
2 กรกฎาคม 2563 นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก Jakkapong Sangmanee ระบุว่า การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนปัจจุบันกล่าวว่า การจัดเก็บภาษีปี 2563 ไม่เข้าเป้าเกิดจากการที่ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลดอัตราภาษีลงมาก ซึ่งคงหมายถึงการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจากอัตรา 30% มาที่ 23% และลดอีกครั้งจนมาอยู่ที่ 20% นั้น เป็นการ “รำไม่ดี โทษปี่โทษกลอง” ตามถนัด
การเข้ามาของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในปี 2554 ประเทศไทยมีอัตราภาษีนิติบุคคลสูงถึง 30% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ในเอเชีย ถือเป็นอุปสรรคสำคัญ ที่ทำให้บริษัทที่ประกอบการโดยสุจริตในประเทศไทย เสียเปรียบบริษัทในต่างประเทศ เป็นอัตราที่สูงจนจูงใจให้เกิดการหลบเลี่ยงภาษี และคุ้มค่ากับกิจกรรมการโอนกำไรออกไปนอกประเทศ ซึ่งส่งผลเป็นการปล้นเงินภาษีไทยไปเอื้อเป็นรายได้ภาษีให้ชาติอื่นด้วยสารพัดวิธีการโดยเฉพาะ transfer pricing อย่างน่าเสียดาย
รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ มุ่งสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการในประเทศไทย ลดอัตราภาษีที่สูงลิ่วอันเป็นภาระของผู้สุจริต แต่เปิดช่องให้กลุ่มที่คุ้มจะหลบเลี่ยงภาษี ซึ่งการลดอัตราภาษีสามารถสนับสนุนการขยายฐานภาษีให้กว้างขวาง ส่งเสริมให้บริษัทในประเทศให้สามารถแข่งขันกับบริษัทต่างชาติได้ จึงทำให้การลดภาษีนิติบุคคลลงจาก 30% มาเป็น 23% ในปี 2555 และลดลงเป็น 20% ในปี 2556 ดังกล่าว ยังส่งผลให้รัฐบาลมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้นจากปีก่อน และสูงตามประมาณการเป้าหมาย โดยไม่ต้องไปเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตของราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง หรือไปเอาเงินจากการประมูลคลื่นความถี่ หรือรีดเอาเงินนำส่งจากรัฐวิสาหกิจอย่างที่ทำอยู่ในเวลานี้
เศรษฐกิจเติบโต ผู้คนมีงานทำ รายได้จากภาษีชนิดอื่นๆ ล้วนเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีสรรพสามิต ภาษีศุลกากร โดยไม่ต้องคิดไปเพิ่มอัตราภาษีให้เป็นภาระกับภาคเอกชน และประชาชน
GDP ปี 2555 หลังน้ำท่วมใหญ่ เติบโต และเติบโตต่อเนื่องไปในปี 2556 ก่อนการชัตดาวน์กรุงเทพฯ
“ยอมรับความจริงเถอะครับว่าการจัดเก็บที่ไม่เป็นไปตามเป้าส่วนสำคัญมาจากนโยบายเศรษฐกิจที่ผิดซ้ำผิดซาก ขาดความรู้ความเข้าใจในการบริหารงาน ส่วนถ้าจะหนีไปโทษโรคระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 คงต้องปุจฉาวิสัชนากันยาวหน่อย แต่ถ้าจะเอาสั้นๆ ขอชี้ว่าลดเป้าเพราะโควิด-19 ยอมรับได้ครับ แต่ที่ลดเป้าตั้งมากมายแล้วยังทำได้ไม่ถึงเป้า ไม่มีฝีมือต่างหาก”