พรรคเพื่อไทย เรียกร้อง รัฐบาล ตั้ง กมธ. ตรวจสอบการใช้เงินกู้ 1.9 ล้านล้าน

1 มิถุนายน 2563 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประชาชนที่ติดตามการอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท จะเห็นว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านทำหน้าที่ได้อย่างดี ในขณะที่รัฐบาลไม่มีรายละเอียด แม้ ส.ส.รัฐบาลจะลุกขึ้นมาช่วยก็มีข้อจำกัด สิ่งที่ต้องจับตาต่อไปคือ รัฐบาลจะฟื้นฟูเยียวยาเศรษฐกิจ ที่จีดีพีมีโอกาสติดลบ 6-9% และคนตกงาน 10 ล้านคนอย่างไร เมื่อนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลสารภาพว่าไม่เก่งเศรษฐกิจ และรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ตัดพ้อว่าเบื่อเต็มทน อยากหาคนทำงานแทน ประชาชนจะเหลือความเชื่อมั่นอะไรในรัฐบาล หนี้เงินกู้เป็นภาระคนทั้งชาติ รัฐบาลผิดพลาดเศรษฐกิจ แต่โยนให้เชื้อไวรัสโควิด-19 รับบาป 

“รัฐบาลทำให้เกิดความหวัง ความเชื่อมั่นไม่ได้ เลยเลือกทำตรงข้ามให้ประชาชนหวาดกลัว หลังจากนี้นายกรัฐมนตรีต้องส่งคำตอบให้ชัดเจนว่าต่อจากนี้จะตัดสินใจโดยยึดเอาผลประโยชน์ของใครเป็นสำคัญ ถ้าให้ตัวเองได้ประโยชน์ก็ลอยตัวเหนือปัญหาไปเรื่อยๆ ถ้ายึดประโยชน์ของพรรคพลังประชารัฐและพรรคร่วมรัฐบาลก็ปรับคณะรัฐมนตรีเพื่อลดความขัดแย้งแตกแยก แต่ถ้าเลือกเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ เมื่อรู้ตัวว่าไม่มีความสามารถในการบริหารจัดการฟื้นฟูเยียวยาแก้ไขเศรษฐกิจได้ ต้องลาออกไป เพื่อเปิดโอกาสให้คนที่มีความเหมาะสมเข้ามาทำหน้าที่แทน รัฐบาลควรแสวงหาแนวทางเปิดประเทศอย่างไรให้ปลอดภัย เพื่อให้เศรษฐกิจได้รับการฟื้นฟู ทุกฝ่ายเห็นตรงกัน คนติดโควิด-19 ไม่ได้มีมากมาย แต่คนอดตายจะมีมากกว่า” นายอนุสรณ์ กล่าว 

ขณะที่ นายชุมสาย ศรียาภัย รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวสนับสนุนให้มีการคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อตรวจการใช้ประมาณจาก พ.ร.ก.กู้เงิน  เนื่องจากองค์กรอิสระที่มีอยู่ในขณะนี้ถูกสังคมตั้งคำถามเรื่องความน่าเชื่อถือ ล่าสุดกรณีการตรวจสอบคดีนาฬิกาหรู ซึ่งผลวินิจฉัยของ ป.ป.ช. ออกมาในลักษณะสวนทางกับความรู้สึกของประชาชน จนสังคมตั้งข้อกังขา หากรัฐบาลมีความจริงใจหรือบริสุทธิ์ใจในการใช้เงินกู้ตาม พ.ร.ก. ทั้ง 3 ฉบับ ต้องสนับสนุนให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ อีกทั้งที่ผ่านมามีประเด็นเกี่ยวกับการทุจริตในช่วงภาวะวิกฤติโควิด-19 ทั้งการกักตุนหน้ากากอนามัยหรือแม้แต่การหักหัวคิว State Quarantine เป็นต้น ซึ่งพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านจะทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างเต็มที่