“ส.ส.เพื่อไทย” ติง นโยบายประกันรายได้ ทำลายกลไกตลาด ชี้ ทำร้ายเกษตรกรมากกว่าช่วยเหลือ
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สถานการณ์ราคายางพาราทั่วประเทศตอนนี้น่าเป็นห่วงมาก ก่อนหน้าที่จะมีการประกาศนโยบายประกันรายได้เกษตรกรราคายางมีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น เพราะยางพาราเป็นที่ต้องการของตลาดโลก ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้จากการขายยางพาราทั้งน้ำยางดิบและยางก้นถ้วย ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามกลไกตลาด
จากเดิมราคายางพาราไม่ดีตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้ามาบริหารประเทศ ราคายางตกต่ำมาโดยตลอด ราคายางก้อนถ้วย ราคาไม่เกิน 15 บาท แต่ภายหลังมีสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ราคายางเริ่มขยับ เพราะยางพาราเป็นที่ต้องการในอุตสาหกรรมทางการแพทย์ ส่งผลให้ราคาน้ำยางสดปรับตัวสูงขึ้นตามกลไกตลาด ทั้งนี้ราคาน้ำยางสด กิโลกรัมละ 62-65 บาท ในขณะที่ยางก้อนถ้วย กิโลกรัมละ 25-26 บาท เกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศกำลังมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น
นายวิสุทธิ์ กล่าวด้วยว่า ภายหลังจากที่รัฐบาลอนุมัติโครงการประกันรายได้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาเพียงแค่ 3 วันส่งผลทำให้ชาวสวนยางต้องทุกข์หนักทันทีทั้งที่เพิ่งฟื้น เพราะราคายางพาราทุกประเภทมีการปรับตัวลดลง โดยราคาน้ำยางสดลดลงทันทีจาก 62 บาทต่อกิโลกรัม มาอยู่ที่ 42 บาทต่อกิโลกรัม และมีแนวโน้มว่าราคาจะลดต่ำลงอีก ในขณะที่ราคายางก้อนถ้วยตกลงมาอยู่ที่ 16 บาท โดยพ่อค้าที่รับซื้ออ้างว่าราคายางที่หายไปให้ไปรับเงินจากรัฐบาลแทน ดังนั้นมาตรการที่ออกมาจึงเป็นมาตรการที่ทำลายกลไกตลาด และทำร้ายเกษตรกรมากกว่าช่วยเหลือเกษตรกร
“เป็นที่น่าประหลาดใจว่าหลายเดือนที่ผ่านมา ช่วงที่ราคายางตกต่ำ รัฐบาลไม่มีมาตรการใดๆออกมาให้ความช่วยเหลือเกษตรกร แต่พอราคายางกำลังดีขึ้นรัฐบาลกลับประกาศนโยบายส่งผลให้ราคายางปรับตัวลดลงทันที รัฐบาลใช้อะไรคิด เพราะเมื่อกลไกตลาดตามธรรมชาติดีอยู่แล้ว รัฐบาลมาทุบราคาสินยางพาราทำไม ซึ่งเกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศสงสัยว่ารัฐบาลต้องการอะไรในการออกมาตรการทุบราคายางที่เกษตรกรหวังจะลืมตาอ้าปากได้ หรือรัฐบาลมีอะไรกับ 5 เสือยางพาราหรือไม่ จึงออกมาตรการช่วยนายทุนยางพารามากกว่าที่จะช่วยเกษตรกรชาวสวนยาง” นายวิสุทธิ์ กล่าว