จากนั้นค่ำวันที่ 9 กรกฎาคม คนในครอบครัวจึงประสานงานเข้ามายังทีมงานแจ้งว่า มีคุณแม่และคุณยายเริ่มมีอาการไม่ดี หายใจไม่สะดวกแล้ว ขอถังออกซิเจนช่วยเหลือ ตนจึงเดินทางไปที่บ้านหลังดังกล่าว พบว่าสมาชิกในบ้านนี้ อาศัยรวมกันอยู่ชั้นล่างของบ้าน ไม่สามารถแยกได้ เพราะข้างบนบ้าน ก็มีสมาชิกอีกคนหนึ่งที่ได้รับการยืนยันการตรวจเชื้อ จึงให้แยกอยู่บนบ้านคนเดียว คนที่เหลือจึงย้ายมาข้างล่างอยู่รวมกัน เลยกลายเป็นเหตุให้เชื้อระบาดกันภายในครอบครัว เมื่อทีมงานไปถึงได้นำท่อออกซิเจนเข้าไปช่วยคุณยายวัย 72 ปีซึ่งค่าออกซิเจนตกลงต่ำเหลือประมาณร้อยละ 70 เมื่อให้ออกซิเจน อัตราค่าออกซิเจนเริ่มดีขึ้นตามลำดับจนถึงประมาณ 90 กว่า จึงประสานหน่วยงานภาครัฐเพื่อมารับตัวทั้งคุณยาย และคุณแม่ที่มีอาการหนักกว่าคนอื่นให้ไปรักษาตัวในโรงพยาบาล จนเที่ยงคืน ก็มีรถพยาบาลเข้ามารับคุณยายไปโรงพยาบาล และตอนเช้าวันที่ 10 กรกฏาคม รถกู้ภัยของ อพปร.เขตสาทร ก็เข้ามารับคุณแม่ไปรวม 2 คน คุณหมอได้โทรมาแจ้งญาติว่าคุณยายอาการหนักต้องเจาะคอช่วยหายใจ แต่ทั้งสองรายอาการทรุดลงตามลำดับ และเสียชีวิตไปพร้อมกันในวันที่ 13 กรกฏาคมที่ผ่านมา รวมแล้วครอบครัวนี้สูญเสีย 3 ชีวิตไปในเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์ ซึ่งครอบครัวนี้รู้สึกตกใจและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว นอกจากนี้ ทีมงานก็พยายามประสานพาสมาชิกในบ้านที่เหลือไปโรงพยาบาลที่ประสานไว้โดยเร็วที่สุด
“บอกตามตรงว่าเสียใจ ทำไมวิธีการบริหารจัดการโควิดของภาครัฐล้มเหลว ทำไมช่วยเหลือคนติดเชื้อโควิดไม่ได้ ทำไมไม่รีบแยกปลาป่วยออกจากน้ำ แยกผู้ติดเชื้อออกจากบ้านโดยเร็ว แต่ปล่อยให้อยู่รวมกัน พอติดเชื้อคนหนึ่งก็ลามไปทั้งครอบครัว จนภายใน 1 สัปดาห์มีคนเสียชีวิต 3 คนไล่เลี่ยกัน เราเองตกใจ แต่ครอบครัวเขาช็อกมากกว่าจนทำอะไรไม่ถูก” นางชัญญา กล่าว