นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา คณะทำงานทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ ได้ออกมาชี้ให้เห็นว่าถ้าหากพลเอกประยุทธ์มีเหตุต้องออกจากตำแหน่ง จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองได้ เพราะจะสามารถเรียกความมั่นใจนักลงทุนกลับคืนมา เพราะที่ผ่านมา ตลอด 6 ปี เศรษฐกิจไทยย่ำแย่มาตลอด เพราะนักลงทุนขาดความมั่นใจ สอดคล้องกับช่วงจังหวะที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยกรณีที่พลเอกประยุทธ์ เกษียณอายุราชการมานานแล้ว แต่ยังอาศัยอยู่ในบ้านหลวง เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ และต้องตอบ 5 ประเด็นที่พรรคเพื่อไทยและฝ่ายค้านตั้งคำถาม แต่พลเอกประยุทธ์กลับไม่กล้าตอบ

ส่วนการที่พลเอกประยุทธ์อ้างว่าอันดับความน่าเชื่อถือของไทย โดย S&P ยังคงระดับเดิม ที่ BBB+ แสดงถึงความไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจ เพราะสาเหตุของการคงอันดับความน่าเชื่อถือมาจากทุนสำรองระหว่างของประเทศไทยอยู่ในระดับสูง เนื่องจากไทยสะสมทุนสำรองมานานเป็นสิบกว่าปี ไม่ได้เกิดจากสมัยพลเอกประยุทธ์ และไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจไทยดี เพราะธุรกิจ SMEs ปิดตัว คนตกงานมากขึ้น และถ้าในอนาคตหนี้เสียในระบบธนาคารมากขึ้น ต่างประเทศขาดความเชื่อมั่น มีการไหลของเงินตราต่างประเทศออกนอก เรตติ้งก็อาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ ดังนั้นจึงควรเข้าใจที่มาของเรตติ้งใหม่

ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยยังคงติดลบอยู่และคาดว่าปีหน้าอาจจะติดลบประมาณร้อยละ 6 -7 ต้องใช้เวลาถึง 2 ปีเป็นอย่างน้อยที่จะกลับมาฟื้นตัว ขณะที่หนี้สาธารณะ ณ วันที่ 30 กันยายน มีจำนวน 7.8 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 49.34 ของจีดีพี ซึ่งถือว่าน่ากังวลมาก

ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยจึงเสนอให้รัฐบาลนำข้อแนะนำที่นายพิชัยเคยเสนอไว้แล้ว เช่น การช่วยเหลือสภาพคล่อง SMEs ที่กำลังจะตายในวงเงิน 1 ล้านล้านบาท, ทำค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลง, การปรับประเทศสู่ระบบดิจิตอล (Digitalization) มาดำเนินการให้เป็นรูปธรรม จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจได้