ผศ.ดร.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การจัดหาวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่รัฐบาลดำเนินการล่าช้าและจะฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยงก่อน แต่ยังมีความสับสนในการฉีดวัคซีนให้ประชาชนกลุ่มอื่นที่เหลือ มีกรอบเวลาชัดเจนหรือไม่ เพราะแพทย์ประเมินว่าหากล่าช้าเกินกว่าเดือนมิถุนายนถือว่าไม่ทันการณ์ ส่วนที่รัฐบาลบอกว่าวัคซีนของแอสตราเซเนกา จำนวน 60 ล้านโดส จะเข้ามาแน่นอนแต่กลับไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะได้รับเมื่อใด รวมทั้งกรณีที่รัฐบาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเอกชนจัดซื้อวัคซีนเอง แต่มีหลายประเทศ เช่น เม็กซิโก อินเดียและอินโดนีเซีย ที่กำลังพิจารณารวมถึงอนุญาตให้ท้องถิ่นและเอกชนจัดหาวัคซีนได้ เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ส่งเสริมแนวคิดกระจายอำนาจ (Decentralization) สวนทางกับประชาคมโลก ขาดประสิทธิภาพในการทำงาน ไม่มีการบริหารจัดการวัคซีนมาดูแลประชาชนได้อย่างครบถ้วน ครอบคลุม และทันเวลาได้

ผศ.ดร.อรุณี กล่าวต่อว่า หลายพื้นที่ในประเทศไทยต้องได้รับการฟื้นตัวอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะจังหวัดที่มีรายได้หลักจากการท่องเที่ยว เช่น จ.ภูเก็ต เพราะปี 2563 สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตประเมินว่าผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 สร้างความเสียหาย 200,000-300,000 ล้านบาท จากที่เคยมีรายได้อยู่ที่ 470,000 ล้านบาทในปีก่อน แม้ทางภูเก็ตเคยแสดงเจตจำนงว่ามีความพร้อมและสามารถรองรับการทดลองเปิดรับนักท่องเที่ยวโดยมีสถานกักตัวทางเลือก (ALSQ) ถึง 1,900 ห้อง แต่รัฐบาลไม่เคยฟังเสียงของเอกชนและประชาชนเลย

“การที่รัฐห่วงใยประชาชนในมิติสุขภาพถือเป็นสิ่งดี แต่ประชาชนกำลังจะตายจากการล้มละลายทางเศรษฐกิจ ถ้าผู้นำยังไม่ตัดสินใจทำอะไรให้ชัด ผู้ปฏิบัติสับสนในคำสั่งการ ความเสียหายจะตกมาถึงประชาชน เจ็บจริง เจ๊งจริง ในวิกฤติแบบนี้ประเทศต้องการผู้นำที่บริหารแบบมืออาชีพ ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยเน้นย้ำมาตลอด เพราะชีวิตประชาชนไม่ใช่เครื่องมือทดลองของฝ่ายบริหารที่ไร้วิสัยทัศน์และไร้ความสามารถ ดังนั้นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสัปดาห์หน้า ฝ่ายค้านจะทวงถามติดตามเรื่องนี้ให้เอง” ผศ.ดร.อรุณี กล่าวสรุป