นางสาวอรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวว่า ผู้บริหารใน ศบค. ส่งสัญญาณให้หยุดการฉีดวัคซีนที่สถานีกลางบางซื่อออกไปก่อน ไม่ใช่เพราะความแออัดกลัวติดเชื้อซ้ำ แต่เพราะมีเหตุผลทางการเมือง หากเป็นเรื่องจริงถือว่า ศบค.กำลังทำผิดต่อประชาชน สิ่งที่ต้องทำคือปรับระบบการฉีดให้ปลอดภัย รวดเร็วและมากที่สุด เพราะขณะนี้การล็อกดาวน์ในเขตพื้นที่สีแดง 13 จังหวัดมากว่า 2 สัปดาห์ แต่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังพุ่งไม่หยุด สถานการณ์ด้านสาธารณสุขวิกฤต ห้องฉุกเฉินไม่รับผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อโควิดนอนเกลื่อนอาการหนัก ออกซิเจนแบ่งกันใช้ เด็กเล็กกำพร้าพ่อแม่ และเช่นเคยที่นายกรัฐมนตรีของประเทศยังคงหยุดทุกวันหยุดราชการในสถานการณ์ที่คนล้มตายทุกวินาที ทั้งที่มีปัญหาใหม่รายวันที่ต้องติดตามอย่างเกาะติดเพื่อแก้ไขให้ทันท่วงที เช่น การเกิดปัญหาคอขวด ผู้ติดเชื้อที่ตรวจด้วย Rapid artigen test และต้องตรวจซ้ำด้วย rt-PCR แต่ไม่มีโรงพยาบาลรับตรวจ จนเกิดกรณีที่บางรายซื้อขายใบรับรองแพทย์เพื่อรับรองการติดเชื้อแล้วนำไปหาเตียง บางรายรอตรวจ รอเตียง และรอจนตาย เป็นปัญหาซ้ำรอยเดิมกับการระบาดในระลอกที่แล้ว

ในสถานการณ์วิกฤตและถือเป็นฟางเส้นสุดท้าย สิ่งที่รัฐบาลควรตัดสินใจทันที ได้แก่

1.พิจารณาใช้ค่ายทหารเป็นที่พักสำหรับผู้ตรวจพบเชื้อแบบ rapid test positive ที่อาการไม่รุนแรงและไม่แสดงอาการ เพื่อลดการติดเชื้อภายในครัวเรือน

2.ประสานภาคเอกชน ประชาชน ส.ส.ในหลายพื้นที่ จัดตั้งเตียงสนามหรือศูนย์พักคอยเพิ่ม ร่วมมือกับหน่วยงานสาธารณสุข เปิดพื้นที่การกักตัวในชุมชน เพื่อส่งต่อผู้ติดเชื้อกลับภูมิลำเนา

3.จัดเตรียมชุดวัดไข้และเครื่องวัดออกซิเจน ยาฟาวิพิราเวียร์ ฟ้าทะลายโจร ยาลดไข้ ยาแก้ไอ บรรเทาเบื้องต้นตามศูนย์พักคอยที่เปิด และเบิกค่าใช้จ่ายต่อวัน จาก สปสช.ได้

4.โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ต้องจัดทำมีรายการพิเศษให้แพทย์แนะนำการรักษาตัวเองที่บ้าน ให้ความรู้เรื่องโควิด-19 ถ่ายทอดทั่วประเทศในช่วงเวลาไพร์มไทม์ เพื่อให้ประชาชนที่ยังไม่ติดเชื้อ ผู้ติดเชื้อระดับสีต่างๆ ปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง

” ทุกวันหยุดราชการ เราจะเห็นผู้นำที่แกล้งตายในภาวะที่ประชาชนล้มตายจริงวันละร้อยศพ ผู้นำที่รอฟังรายงาน แต่สั่งการไม่เป็น มีแต่จะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงพลเอกประยุทธ์ ต้องยอมรับว่าทั้งหมดคือความผิดพลาด เสียสละเพื่อชาติด้วยการลาออกเถอะค่ะ” นางสาวอรุณี กล่าว