นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องถือว่าเป็นช่วงที่เลวร้ายที่สุดและล้มเหลวที่สุด ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีคนมาชุมนุมไล่ออกทุกวัน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในยุคที่คนเสื่อมศรัทธาคุมความมั่นคง ท่านเอาทหารมาคุมหมอใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นเครื่องมือควบคุม แต่คุมไม่ได้ทั้งโรคและคุมคนออกมาชุมนุมก็ไม่ได้ผล แต่ก็ยังต่ออายุไปเรื่อยๆ คุมเศรษฐกิจ วันนี้หนี้พุ่ง เศรษฐกิจพัง คนตกงาน หนี้สินครัวเรือนสูง คุมโควิดก็ทำคนตายทะลุเกินหมื่นคน ป่วยเหยียบเกินหลักล้านคน แถมชูสองนิ้ว พูดนะจ๊ะ คนยังทั้งแต่งเพลงด่า คาร์ม็อบ และตะโกนไล่ออกกันทั้งประเทศ รวมถึงการคุมตำรวจ ก็เป็นยุคที่เลวร้ายของตำรวจ ประชาชนต้องออกมาประณามการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมด้วยแก๊สน้ำตา มีความรุนแรงกับประชาชน เป็นความล้มเหลวทุกด้านที่ไม่เคยมีผู้นำประเทศคนไหนทำได้ แต่พล.อ.ประยุทธ์ทำได้

“ ล่าสุดผู้กำกับโจ้ เป็นถึงผู้กำกับการสถานี มีประเด็นเอาถุงดำครอบหัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนเสียชีวิต คลิปกระจายทั่วโลกอับอายทั้งประเทศ ข้อบ่งใช้ของถุงดำเอาไว้สำหรับบรรจุขยะ ห้ามนำไปสวมศีรษะเพราะมันไม่มีรูสำหรับอากาศหายใจ เจตนาเป็นการประสงค์ถึงชีวิต ย้อนกลับไปเมื่อยุคหลังการปฏิวัติ พล.อ.ประยุทธ์ เคยให้ทหารคลุมหัวปิดตา นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไปกักตัว 7 วัน และ คลุมหัวกลับ ในการเรียกปรับทัศนคติครั้งที่ 7 ปลายปี 2558 เพียงเพราะวิจารณ์เศรษฐกิจ จนการคลุมหัวเป็นเรื่องปกติของรัฐบาลประยุทธ์ โชคดีที่นายพิชัย ไม่เสียชีวิต จึงสามารถมาเปิดโปงสิ่งเปื้อนดำจากการกระทำในอดีตได้ ความโหดร้ายทารุณที่เกิดขึ้นในยุคที่มีนายกรัฐมนตรีชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา

“นอกจากความล้มเหลวท่านรวบอำนาจทุกอย่างไว้ที่ตัวเองคนเดียว สุดท้ายมันเลยทำให้ประเทศไทยตายคาที่แบบนี้ ปัญหาเรื่องวัคซีนไม่ถึงแขนประชาชน ประชาชนถลกแขนรอเก้อ เพราะการบริหารจัดการที่ไร้ประสบการณ์ขาดแผนการ ไร้คอนเนคชั่น ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคที่เกินควบคุม ระบบสาธารณสุขถดถอยต้นเหตุเกิดจากวัคซีน จนคนต้องนอนรอความตายอยู่บ้านกี่ศพแล้ว หมอพยาบาลบุคลากรด่านหน้าตายไปแล้วกี่คน พระ สัปเหร่อ บุคลากรด่านสุดท้ายได้ฉีดวัคซีนไปแล้วเท่าไหร่ พระ สัปเหร่อยังต้องใส่ชุด PPE เสี่ยงแค่ไหนก็ต้องทำงาน วัดเผาศพจนเมรุระเบิดไปแล้วกี่แห่ง แต่ประชาชนไม่เคยเห็นนายกรัฐมนตรีอยู่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับประชาชนเลย ถ้าไม่เรียกว่าปล่อยประชาชนให้อยู่ตามยถากรรมจะเรียกว่าอะไร

นางสาวตรีชฎา กล่าวต่อว่าแทนที่พล.อ.ประยุทธ์ จะสนใจและจัดลำดับความสำคัญของการทำงาน พอคนถามว่าทำไมไม่ลงพื้นที่ กลับบอกว่ามีงานเยอะ มีงานทำหลายอย่าง พอมีคนมา call out ก็ส่งคนไปดำเนินคดี ล่าสุด แต่งตั้งนายธนกร วังบุญคงชนะ ขึ้นมารับตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแทนนายอนุชา บุรพชัยศรี ความจริงนายอนุชา ทำหน้าที่โฆษกรัฐบาลได้ดี มีมารยาท รู้ประเด็นไหนต้องแถลง ประเด็นไหนไม่แถลง ต่างจากนายธนกร ที่ทำหน้าที่เหมือนเอาหุ่นยนต์ที่ชำรุดแล้วปัดฝุ่นมาเปลี่ยนถ่านสำรองแล้วใส่เมมโมรี่เดิม สภาพก็จะมึนๆ งงๆ มั่วตามแบบฉบับเดิม และทันทีที่รับตำแหน่งก็ออกมาโต้เถียงแทนพล.อ.ประยุทธ์ เหมือนเดิม ก็ไม่น่าแปลกใจเพราะการทำหน้าที่ของนายธนกร น่าจะสะท้อนความคิดประยุทธ์ ว่าคิดเหมือนธนกร

“เริ่มงานนายธนกร ก็มาจ้องเรื่องการที่ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวเชิญชวนประชาชนร่วมลงมติไม่ไว้วางใจใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโครงการ “ลงมติประชาชน รวมพลไล่ประยุทธ์” ผ่าน https://www.change.org/prayutgetout เพื่อร่วมแสดงพลังและเจตจำนงไม่ยอมรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี อีกต่อไปเพราะเป็นผู้นำที่ไร้ความสามารถ บริหารประเทศล้มเหลวซ้ำซาก ปล่อยปละละเลยทำให้ประชาชนประสบกับภาวะทุกข์ยากแสนสาหัสการแสดงพลังของประชาชนอีกทางหนึ่งตามวิถีประชาธิปไตย ควบคู่กับการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้าน ว่า ไม่ควรนำไปขยายผลออกไปสู่นอกสภาฯ ควรจะทำเฉพาะในสภา นายธนกร คงทนไม่ไหวยอมรับเถอะคนเกลียดพล.อ.ประยุทธ์ เกือบทั้งประเทศ จนเหลือกองเชียร์แค่ไม่กี่คนเท่านั้น

“ พรรคเพื่อไทยต้องการฟังเสียงของประชาชน ว่า 7 ปีที่ผ่านมากับนายกรัฐมนตรีที่ชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชา เขารู้สึกอย่างไร ขมขื่นและลำบากแค่ไหน ยังไหวไหม เพราะเราฟังเสียงของประชาชน ถ้าประชาชนรู้สึกไม่ไหวเช่นเดียวกัน ถึงเวลาที่เราจะลุกขึ้นมาแสดงพลัง ร่วมลงชื่อเปลี่ยนความลำบาก เปลี่ยนผู้นำที่ไร้ประสิทธิภาพ วันแรกมีคนร่วมลงชื่อเกือบ 25,000 คนแล้ว เปลี่ยนจากเอาถุงดำคลุมหัว เป็นเอาพล.ประยุทธ์ลงถุงดำโยนทิ้งขยะเสียที ” นางสาวตรีชฎา กล่าว