อนุสรณ์ ชี้ ความอ่อนด้อยของรัฐบาลประยุทธ์ ทำภาพลักษณ์ประเทศชาติติดลบ
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี รัฐบาลใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุหรือไม่ ในการปราบปรามและสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุม ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า หลายการประชุมที่เกิดขึ้นทั่วโลก สามารถมีการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงเกิดขึ้นคู่ขนานได้เป็นปกติ รวมถึงสามารถจัดระเบียบและจัดสรรพื้นที่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้แสดงออกตามกรอบของกฎหมายและตามสิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐธรรมนูญได้รับรองไว้ การมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาประท้วงไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่ความเสียหายคือการใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุในการปราบปรามและสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุม โดยเฉพาะรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ที่มีภาพลักษณ์ติดลบในเรื่องการคุกคามและละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชนมาตลอด 8 ปี
“รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรอายที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมมาประท้วงเพื่อแสดงความเห็นต่าง แต่ควรอายที่ทำการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลจากการเลือกตั้งของประชาชน” นายอนุสรณ์ กล่าว
อนุสรณ์ จี้ ประยุทธ์ จบเอเปคควรตัดสินใจเลือกอนาคตทางการเมืองให้ชัด
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีหลายฝ่ายจับตาการตัดสินใจเลือกอนาคตทางการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หลังจบการประชุมเอเปค ว่า แม้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเป็นผู้อนุมัติให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมเอเปค แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการอยู่เป็นนายกรัฐมนตรีในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมเอเปคถือเป็นความฝันอันสูงสุดความฝันหนึ่งของพล.อ.ประยุทธ์ ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ แทบไม่มีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน การปฏิรูปการเมืองเป็นเพียงวาทกรรมที่ว่างเปล่า เขียนรัฐธรรมนูญที่ดีไซน์มาเพื่อให้พรรคพลังประชารัฐได้เปรียบพรรคการเมืองอื่น พล.อ.ประยุทธ์ ลับลวงพรางคนอื่น จนอาจเผลอลับลวงพรางตัวเองไปด้วย การประชุมเอเปคที่พล.อ.ประยุทธ์ตั้งตารอรูดม่านปิดฉากแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องตัดสินใจกำหนดอนาคตทางการเมืองของตัวเองให้ชัดเจน จะไปต่อกับพลังประชารัฐ หรือกลับคำให้การ เปลี่ยนใจไปต่อกับพรรคการเมืองใหม่ หรือเลือกปิดฉากอนาคตการเมืองของตนตัวเองหลังจบเอเปคต้องตัดสินใจให้ชัด
“2ปีที่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีต่อได้ จะไม่มีความหมายหากประชาชนไม่เลือก พล.อ.ประยุทธ์จะตัดสินใจอย่างไรเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ได้ถอดบทเรียนว่า การสร้างพรรคการเมืองที่ไม่ได้เป็นสถาบันทางการเมือง การเป็นพรรคเฉพาะกิจหรือพรรคทหาร จะเป็นสมการที่นำไปสู่ความล่มสลาย” นายอนุสรณ์ กล่าว