“อนุสรณ์” ย้ำ แก้รัฐธรรมนูญให้ประชาชนมีส่วนร่วมคือทางออกประเทศ
(14 ต.ค. 62) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. บรรยายพิเศษในหัวข้อ “แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง” จนทำให้เกิดบรรยากาศที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้ง ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ออกมาชวนให้ทุกฝ่ายเลิกทะเลาะเบาะแว้งกัน เพื่อเดินหน้าปฏิรูปการเมือง ถ้าทำได้อย่างที่พูด ประเทศไทยคงไม่เดินมาถึงจุดนี้ 5 ปีที่ผ่านมา ประชาชนตัดสินใจได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีความจริงใจแค่ไหน ในการที่จะสร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในประเทศ
สิ่งที่ พล.อ.อภิรัชต์ พูด ไม่มีอะไรใหม่ ยังคงจมปลักอยู่ในชุดความคิดเดิมๆ ผูกขาดความรักชาติไว้แต่ตัวเองเพียงฝ่ายเดียว ผลักผู้เห็นต่างไปเป็นพวกชังชาติ ใครเป็นผู้ได้ประโยชน์จากสถานการณ์ความขัดแย้งในรอบหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2514 ถึงปี 2563 เวลา 49 ปี แต่มีรัฐประหารถึง 6 ครั้ง เฉลี่ย 8 ปี มีรัฐประหาร 1 ครั้ง แทบทุกครั้งเริ่มมาจากการสร้างความหวาดระแวง สร้างภาพให้ผู้เห็นต่างเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ
5 ปีที่ผ่านมาของ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกตั้งคำถามว่า นอกจากจะใช้สถานะความเป็นรัฐบาลทหาร รัฐกองทัพ ยังพัฒนาต่อเป็นรัฐราชการ แทนที่จะกระจายอำนาจ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองตนเอง กลับย้อนยุครวบอำนาจมาไว้ที่ส่วนกลาง ใช้เครือข่ายองคาพยพเป็นเครื่องมือในการจัดการกับฝ่ายการเมืองตรงข้าม ก่อนเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 มีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการเพื่อเป็นมือเป็นไม้ในการเลือกตั้ง หลังเลือกตั้งข้าราชการคนใด หน่วยงานใด ทำคะแนนเลือกตั้งไม่เข้าเป้า ก็ถูกย้าย ถูกลงโทษ การออกมาประกาศกร้าวแสดงจุดยืนทางการเมืองแบบเลือกข้างของ พล.อ.อภิรัชต์ จึงเป็นเพียงสิ่งบ่งชี้หนึ่ง เหมือนยอดภูเขาน้ำแข็งที่โผล่พ้นน้ำให้เห็น ลึกลงไปใต้ผิวน้ำยังมีรากของเครือข่ายเหล่านี้ขวางกั้นการปรองดองสมานฉันท์เต็มไปหมด
“สิ่งที่พรรคเพื่อไทย พยายามเร่งรัดผลักดันคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งย้ำมาโดยตลอดว่าไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 เพราะหากปล่อยประเทศให้เดินหน้าไปตามกติกานี้ ไม่มีใครรู้ว่าการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 จะเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาล แม้วันนี้อาจได้ประโยชน์อยู่บ้าง แต่ที่สุดแล้วระบบที่วางเอาไว้ ประชาชนจะถูกกันนอกไปนอกวง เป็นรัฐราชการที่สมบูรณ์แบบ” นายอนุสรณ์ กล่าว